ผลวิจัยชี้ “fake news” หรือ ข่าวปลอม รวมถึง การให้ข้อมูลแบบผิดๆ และให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสมบนโซเชียลมีเดีย อาจทำให้สถานการณ์การระบาดของโรค อย่าง ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้เลวร้ายมากขึ้น
ในการวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากการกระจายข้อมูลที่ผิดพลาด ส่งผลต่อการระบาดของโรคอย่างไรนั้น กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอีสต์ แองเกลีย (ยูอีเอ) ของอังกฤษ ระบุว่า หากประสบความสำเร็จในความพยายามยับยั้งผู้คนไม่ให้แชร์ข่าวปลอด ก็อาจช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้ได้
“ในกรณีของโควิด-19 นั้น มีการคาดเดา การให้ข้อมูลผิดๆ และข่าวปลอม เกี่ยวกับที่มาของเชื้อไวรัส สาเหตุของการติดเชื้อ และวิธีการระบาด ที่แพร่หลายบนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลผิดๆ เหล่านี้ ยังหมายถึง คำแนะนำที่ไม่ถูกต้องได้แพร่กระจายไปรวดเร็วมาก ” นายพอล ฮันเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์จากยูอีเอ ผู้นำร่วมในการศึกษาครั้งนี้ ระบุ
การศึกษาพบด้วยว่า แค่การเผยแพร่ข่าวปลอม หรือข้อมูลผิดๆ ลดลงไปเพียง 10% ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบของการระบาดอย่างรุนแรงได้ ทั้งถ้าสามารถทำให้ประชากรราว 20% ไม่สามารถแชร์คำแนะนำผิดๆ ได้ ก็จะส่งผลในทางบวกขึ้นมาเช่นกัน
ผลการศึกษานี้เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังวิตกกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เชื่อว่ามีต้นตอมาจากเมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย์ ของจีน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการตรวจพบผู้ติดเชื้่อใน 28 ประเทศหรือดินแดน จำนวน 64,171 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,486 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อ และเสียชีวิตในจีนมากสุด โดยมีผู้ป่วยเพียง 3 รายเท่านั้น ที่เสียชีวิตนอกจีน คือที่ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ประเทศที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดนั้น รวมถึง มาเลเซียยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ เป็นหญิงวัย 39 ปี ที่เดินทางมาจากจีน ส่งผลให้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว 19 คน
หญิงรายนี้ เป็นบุตรสาวของผู้ติดเชื้อรายที่ 16 ในมาเลเซีย และเป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื้อรายที่ 14 ก่อนหน้านี้ โดยเธอเดินทางจากอู่ฮั่น พร้อมกับคนอื่นๆ อีก 4 คน มาถึงมาเลเซียตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา และถูกกักโรคทันทีที่ผู้ร่วมเดินทางของเธอถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัส แต่เธอเพิ่งเริ่มแสดงอาการเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะได้รับการตรวจว่าติดเชื้อในวันเดียวกัน
