เผยผลตรวจสุขภาพจิต ผู้ได้รับผลกระทบ “เหตุกราดยิงโคราช” 247 คน พบเครียดระดับสูง 91 คน 9 คนหวาดกลัวรุนแรง กรมสุขภาพจิต จัดทีมดูแลเต็มพิกัด 15 ทีม 73 คน ลงพื้นที่ 12 จุด
กรมสุขภาพจิต แจ้งผลการปฏิบัติงานของ 15 ทีม MCATT ออกปฏิบัติงาน 12 จุดเต็มพิกัด เช่น ห้างสรรพสิค้าเทอร์มินอล 21 วัดป่าศรัทธารวม พร้อมดูแลครอบคลุมกลุ่มเร่งด่วน ทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต รวม 88 คน และญาติ เผยผลตรวจสุขภาพจิต 247 คน พบเครียดระดับสูง 91 คน ในจำนวนนี้ 9 คนหวาดกลัวรุนแรง
โดยวันนี้ (11 ก.พ.) ที่รพ.มหาราชนครราชสีมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากเหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ที่พักรักษาตัวอยู่ที่รพ.มหาราชฯ จำนวน 21 คน และเยี่ยมให้กำลังใจทีมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการดูแลช่วยเหลือประชาชนทั้งทางกายและใจ
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้บาดเจ็บ และญาติพบว่า ทุกคนมีขวัญกำลังใจดีขึ้น บางคนยังมีความวิตกกังวลอยู่บ้าง ในส่วนการดูแลผลกระทบทางจิตใจในภาพรวมนั้น ขณะนี้กรมสุขภาพจิต ได้ระดมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ ผู้ประสบภาวะวิกฤติ หรือทีมเอ็มแคท (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team : MCATT) ทั้งใน และนอกสังกัดจำนวน 15 ทีม รวม 73 คน มีผู้เชี่ยวชาญทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และวัยรุ่น ให้การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุครั้งนี้
โดยได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการทีม MCATT ฉุกเฉินอยู่ที่รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ มีนพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นผู้บัญชาการศูนย์ และมีนพ.กิตต์กวี โพธิ์โน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อให้การทำงานครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มมีความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ เให้สภาพจิตจิตใจของประชาชนฟื้นคืนกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และมีความปลอดภัยที่สุด
ทั้งนี้ ได้จัดแผนการดูแลออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ปฏิบัติงานเต็มพิกัด
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้รอดชีวิต และบาดเจ็บ รวมทั้งหมด 88 คน ประกอบด้วยครอบครัวของผู้เสียชีวิต 30 ราย บาดเจ็บ 58 คน ซึ่งผู้บาดเจ็บขณะนี้ รักษาและกลับบ้านแล้ว 33 คน ยังเหลือนอนพักรักษาตัวที่รพ. 25 คน ทีม MCATT ได้ดูแลจิตใจกลุ่มนี้ทั้งหมดแล้ว ผลการประเมินสภาวะทางจิตใจในรอบ 3 วัน ระหว่าง 8-10 กุมภาพันธ์ 2563 ตรวจทั้งหมด 247 คน
พบเครียดในระดับสูง 91 คน ในจำนวนนี้ พบมี 9 คน มีอาการหวาดกลัวรุนแรง นอนไม่หลับ ต้องให้การรักษา เพื่อคลายเครียด อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ต่อเนื่อง
ส่วนที่เหลืออีก 156 คนเครียดระดับน้อยถึงปานกลาง ได้ให้การปฐมพยาบาลทางใจ ปรึกษาคลายเครียด และจะติดตามประเมินเป็นระยะๆ ตามแผน
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ในกลุ่มของผู้เสียชีวิต 30 ราย ซึ่งมีภูมิลำเนาใน 9 จังหวัด ดังนี้ นครราชสีมา 20 ราย กทม. 2 ราย สมุทรปราการ 1 ราย นราธิวาส 1 ราย บุรีรัมย์ 2 ราย ที่ราชบุรี สมุทรสาคร อุดรธานี และสกลนคร จังหวัดละ 1 ราย กรมสุขภาพจิตได้จัดระบบดูแลจิตใจของครอบครัวอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้รพ.จิตเวชที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งรพ.ในพื้นที่ให้การดูแลร่วมกัน ไปจนกว่าจะหมดความเสี่ยงและกลับคืนสู่สภาวะปกติ
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ที่ทำงานในห้างเทอร์มินอล 21 นักเรียนที่ไปจัดกิจกรรมในห้าง กลุ่มนี้จะเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการตรวจคัดกรองหาผู้ที่มีความเสี่ยง เกิดผลกระทบ เพื่อให้การเยียวยาต่อไป
กลุ่มที่ 3 คือ ประชาชน ที่ถูกช่วยออกมาจากห้างในคืนที่เกิดเหตุ ซึ่งได้จัดจุดให้บริการ 2 แห่ง คือ ในรพ.มหาราชฯ และที่รพ.จิตเวชโคราช
หรือสามารถขอรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หรือปรึกษาที่รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ หมายเลข 044-233999 ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน โดยมีผู้มาขอคำปรึกษา ด้วยอาการตกใจง่าย หวาดผวา นอนไม่หลับ ที่ รพ.มหาราชฯ และ รพ.จิตเวชฯ รวม 8 คน
ทางด้านนพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า ในวันนี้ได้จัดทีม MCATT จำนวน 8 ทีม ออกปฏิบัติงานเยียวยา ที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21, รพ.ป.แพทย์, รพ.ค่ายสุรนารี, รพ.เซนต์แมรี่,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และทีมลงชุมชนต่างๆ ต่อเนื่อง
สำหรับการปฏิบัติงานของทีม MCATT ในช่วงวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 15 ทีม ปฎิบัติการในพื้นที่ 12 จุด ทั้งในสถานที่ที่เกิดเหตุ และใกล้เคียง ได้แก่ ที่รพ.มหาราชจ.นครราชสีมา ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 ชุมชนท่าตะโก ชุมชนโพธิพันธ์ ชุมชนอรุณสามัคคีโชคดี ชุมชนโนนฝรั่ง วัดดอนขวาง วัดป่าศรัทธารวม วัดคลองไผ่ ชุมชนหนองปรุ บ้านพักของผู้ก่อเหตุในโคราช และที่บ้านที่จังหวัดชัยภูมิด้วย ซึ่งจะมีการประเมินผลการดำเนินงานทุกวัน
