นายณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสุกี้ในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% ต่อปี นีโอสุกี้มีส่วนแบ่งการตลาดสุกี้ alacarte เป็นอันดับสอง
สำหรับแผนธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนใหม่ต่อเนื่อง ปลายปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 1 สาขา ใน จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงสิ้นปีนี้ 21 สาขา นอกจากนี้ยังขายแฟรนส์ไชส์ให้กับอินโดนีเซียและเวียดนาม อีก 2 สาขา โดยเฉพาะตลาดเวียดนามยอดขายเติบโตสูง เพราะตั้งอยู่ใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ปีก่อนเสริมธุรกิจใหม่ 2 แบรนด์ ได้แก่ กังฟูและซุนวู พร้อมวางเป้าหมาย 5 ปี นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
ลงทุนโรงงานใหม่-เสริม2แบรนด์
ขณะเดียวกันได้เตรียมลงทุน 150 ล้านบาท ตั้งโรงงานในจังหวัดนนทบุรี มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากโรงงานพระราม 3 มีกำลังการผลิตจำกัด จึงไม่เพียงพอต่อการขยายตัวของธุรกิจ
พร้อมกันนี้คาดว่าจะนำแบรนด์ใหม่มาเสริมอีก 2 แบรนด์ รวมเป็น 5 แบรนด์ โดยเป็นแบรนด์จากยุโรปและอเมริกา เน้นอาหารที่รับประทานง่าย เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่
ส่วนการลงทุนใหม่ ในประเทศจะเน้นหนักไปที่โซนบางซื่อ บางนา ลาดพร้าว ส่วนในต่างจังหวัดคาดว่าจะเป็น ขอนแก่น และ นครราชสีมา ในทำเลห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
“มองว่าเทรนด์ในอนาคต กระแสบุฟเฟ่ต์ จะลดลง แต่แบรนด์ที่ทำบุพเฟ่ต์จะอยู่ได้ต้องเป็นแบรนด์ที่เน้นตลาดบน ส่วนตลาดกลาง-ล่าง แข่งขันลำบาก และอาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กปิดตัวลง”
มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15%
นายณัฐพล กล่าวว่าท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น บริษัทจะปรับตัวด้วยการรักษารักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยมั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโต 12-15% หรือมีรายได้ 370-400 ล้านบาท จากปัจจัยบวกการขยายสาขา และเทรนด์ดูแลสุขภาพยังแรงต่อเนื่อง
ด้านปัจจัยลบที่น่าเป็นห่วงคือ เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่กระจายตัว เช่น การส่งออกที่เติบโตเฉพาะกลุ่ม อุตสาหกรรม ทำให้เงินไม่กระจายมาถึงระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังต้องรอท่าทีทางการเมือง หากมีการเลือกตั้งนักลงทุนจะเข้ามาไทยมากขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงาน และมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้น
