Technology

จุดเริ่มต้น ‘ทศวรรษหน้าของข้อมูล’ บนคาดหวังใหม่ๆ จากเทคโนโลยี

การก้าวเข้าสู่ปี 2563 เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้น เพราะนี่คือปีที่หลายๆ คนกำหนดไว้ให้เป็นการมาถึงของเหตุการณ์สำคัญด้านเทคโนโลยีต่างๆ

สิ่งที่ประสบความสำเร็จในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ผลิตยานยนต์ต่างกำลังเดินหน้าเพื่อเข้าใกล้ยานยนต์ที่เป็นอัตโนมัติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดีไวซ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ระบบและแอปพลิเคชันจำนวนมาก รวมไปถึงแอปพลิเคชันด้านเฮลธ์แคร์ เครื่องจักรอุตสาหกรรมตลอดจนถึงระบบด้านการเงินที่เราใช้ต่างถูกเชื่อมต่อและทำให้กลายเป็นอัจฉริยะ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า as “the edge”

cloud 3843352 960 720

ปี 2563 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ เดลล์ เทคโนโลยีส์เรียกว่า “ทศวรรษหน้าของข้อมูล” (Next Data Decade) ซึ่งทำให้โลกก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ด้วยความคาดหวังใหม่ๆ อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งที่เทคโนโลยีสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ทั้งในรูปแบบของการใช้ชีวิต การทำงาน และการใช้งานเพื่อการพักผ่อน

แล้วอะไรคือเทคโนโลยีเทรนด์และการพัฒนาหรือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงรูปแบบของสิ่งที่จะเข้ามาในอีก 10 ปีข้างหน้า

  • ปี 2563 เป็นปีที่พิสูจน์ว่าถึงเวลาที่ต้องทำให้ไอทีเป็นเรื่องง่าย

ปัจจุบัน เรามีข้อมูล (data) จำนวนมหาศาลอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊ก ดาต้า หรือเมตะ ดาต้า (meta data) องค์กรธุรกิจต่างดิ้นรนในการที่จะทำให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ใช่จะถูกส่งไปที่ที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม เพราะพวกเขาขาดความสามารถในการมองเห็นข้อมูล (data visibility) ขาดความสามารถสำหรับทีมงานด้านไอทีในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากจำนวนของระบบและบริการต่างที่ถูกถักทอเข้าไว้ด้วยกันตลอดทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐานมีจำนวนมากเกินไป

Jeff Clark
เจฟฟ์ คลาร์ก

ดังนั้น ในปี 2563 นี้ ซีไอโอจะหันมาปรับทำให้การมองเห็นข้อมูล (data visibility) เป็นสิ่งสำคัญในลำดับบนสุด เพราะถึงที่สุดแล้ว ข้อมูลคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้วงล้อ (flywheel) ของนวัตกรรมหมุนไป

ภาพที่จะเกิดขึ้นคือ องค์กรธุรกิจเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัล (digital transformation) ด้วยการทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเรียบง่ายและเป็นแบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะหลอมรวมระบบและการบริการให้เป็นโซลูชันแบบองค์รวม (holistic) ที่จะช่วยให้สามารถควบคุมและชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น การขับเคลื่อนไอทีโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจดีขึ้น เร็วขึ้น

  • คลาวด์ที่อยู่ร่วมกันจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

กลยุทธ์ไอที มัลติ-คลาวด์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาปัตยกรรมไฮบริดคลาวด์จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจในการมองเห็นและการจัดการข้อมูลที่ดีกว่าให้กับองค์กรธุรกิจ ขณะที่สร้างความเชื่อมั่นว่าข้อมูลทั้งหมดยังสามารถเข้าถึงได้และยังคงปลอดภัย ที่จริงแล้ว ไอดีซีได้ทำนายไว้ว่าภายในปี 2021 องค์กรธุรกิจในระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์ กว่า 90% ทั่วโลกจะพึ่งพาการผสมผสานระหว่างคลาวด์ที่เป็น on-premises กับไพรเวทคลาวด์ที่กำหนดไว้ใช้งานเฉพาะส่วน  ไปจนถึงพับบลิคคลาวด์หลายแห่ง และแพลตฟอร์มเดิม

จากการที่ 5G และการนำระบบปลายทางเข้ามาใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไพรเวท ไฮบริดคลาวด์ จะปรากฏตัวขึ้นในจุดที่อยู่ปลายทางด้วยเพื่อทำให้แน่ใจถึงความสามารถในการมองเห็นและการจัดการข้อมูลแบบเรียล-ไทม์ในทุกที่ที่ได้รับการติดตั้งและให้บริการ หมายความว่าองค์กรจะมีความคาดหวังให้คลาวด์ของพวกเขาและผู้ให้บริการให้ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถให้การรองรับความต้องการไฮบริดคลาวด์ได้ในทุกสภาพแวดล้อมทั้งหมด

server 90389 960 720

นอกเหนือจากนั้น จะเห็นการรักษาความปลอดภัย (security) และการคุ้มครองข้อมูล (data protection) ถูกบูรณาการในเชิงลึก ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของไฮบริดคลาวด์ การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์จะไม่ใช่การเริ่มต้น หากแต่จะถูกสร้างให้ผสานเข้าสู่ทุกเส้นสายของกลยุทธ์ในการจัดการข้อมูลโดยองค์รวมตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง (edge) ไปถึงการประมวลผลที่ส่วนกลาง (core) ไปจนถึงคลาวด์ (cloud)

  • สิ่งที่คุณได้รับคือสิ่งที่คุณจ่ายไป

หนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีที่ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์เมชั่น คือทรัพยากร โดยทั้งรายจ่ายลงทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มักจะเป็นข้อจำกัดเสมอ เมื่อมีความพยายามที่จะวางแผนและคาดเดาล่วงหน้าถึงความต้องการใช้งานพลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า รูปแบบของการให้ซอฟต์แวร์บริการ (SaaS) และการใช้งานคลาวด์กำลังเพิ่มมากขึ้นทั้งในด้านการนำไปใช้และความนิยม มอบความยืดหยุ่นให้กับองค์กรให้สามารถจ่ายค่าใช้บริการได้ตามจำนวนที่ใช้งานและตามการเติบโต

ในปี 2563 ทางเลือกของการใช้บริการแบบยืดหยุ่นได้ (flexible consumption) และรูปแบบบริการแบบ as-a-service ช่วยเสริมความเร็วให้กับองค์กรในการคว้าจับโอกาสในการทรานส์ฟอร์มตัวเองเข้าสู่รูปแบบของไอทีที่เกิดขึ้นได้ด้วยคลาวด์ และกำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined) ซึ่งองค์กรจะสามารถเลือกรูปแบบทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับธุรกิจเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโซลูชันแบบครบวงจรที่ช่วยในด้านการเคลื่อนย้ายข้อมูลและการมองเห็น หรือกระทั่งดึงเวิร์กโหลดที่หนาแน่นที่สุดด้าน เอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่งเมื่อต้องการ

datacenter 4266405 960 720

  • Edge ขยายไปสู่องค์กรอย่างรวดเร็ว

“Edge” ยังคงพัฒนาต่อไป ด้วยการทำงานอย่างหนักเพื่อกำหนดว่ามันคืออะไรและที่ตรงไหนที่ควรอยู่ เมื่อจำกัดไว้ที่อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) เป็นเรื่องยากที่ว่าระบบไหน แอปพลิเคชันหรือบริการไหนจนถึงผู้คนและสถานที่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อเข้าหากัน ดังนั้น “edge” จึงเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ และกำลังที่จะขยายตัวออกไปโดยมีองค์กรธุรกิจเป็นผู้นำพา เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีในการรองรับ

การเชื่อมต่อ 5G กำลังสร้างรูปแบบการใช้งานใหม่และความเป็นไปได้ต่างๆ ทั้งสำหรับการบริการด้านเฮลธ์แคร์ บริการทางการเงิน ทางการศึกษา และในอุตสาหกรรมการผลิต ด้วยเหตุนี้โซลูชั่น SD-WAN และระบบเครือข่ายที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ หรือ software-defined networking จึงกลายเป็นแกนหลักของโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบองค์รวมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าปริมาณดาต้า เวิร์กโหลดอันมหาศาลจะเดินทางได้ด้วยความเร็วอย่างปลอดภัยในระหว่าง edge ที่อยู่ปลายทางไปยังส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใจกลางก่อนไปสู่สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์

ทั้งนี้ โซลูชั่นระบบเครือข่ายแบบเปิด (open networking) จะเหนือกว่าระบบ proprietary เนื่องจากองค์กรจะตระหนักรู้ว่าหนทางเดียวที่จะจัดการ และสร้างความปลอดภัยให้ข้อมูลได้ในระยาวจำเป็นต้องมีทั้งความยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่มีเพียงเครือข่ายที่กำหนดการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined networking) เท่านั้นที่สามารถทำได้

server 2891812 960 720

  • อุปกรณ์อัจฉริยะที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและการทำงานร่วมกัน

นวัตกรรมด้านพีซียังคงขยายแนวเขตของทั้งรูปลักษณ์และประสิทธิภาพใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกปี ขณะที่ฟอร์ม แฟคเตอร์มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมและเพรียวบางยิ่งขึ้น แต่ที่มากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่ทำงานในส่วนที่เป็นหัวใจของพีซีที่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากกว่าที่เคย ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชันที่ใช้เอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ได้สร้างสรรค์ระบบที่ปัจจุบันสามารถรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ หรือจุดที่ควรต้องเพิ่มพลังและขีดความสามารถในการประมวลผลโดยขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานเป็นสำคัญ

ในปีนี้ ความก้าวหน้าต่างๆ ในด้านเอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่งจะเปลี่ยนพีซีให้สมาร์ทเพิ่มมากขึ้นและทำงานร่วมกันได้มากขึ้น พีซีจะมีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและอายุการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับช่วงเวลาที่มีประสิทธิผลมากที่สุดของเรา กลายเป็นแม้กระทั่งเครื่องจักรแบบพอเพียงที่สามารถรักษาตัวเอง (self-heal) และสามารถยืนยันตัวเองเพื่อการซ่อมบำรุงซึ่งจะช่วยลดภาระของผู้ใช้ และที่แน่นอนจะช่วยลดจำนวนในการเกิดความขัดข้องด้านไอทีลง

  • สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยคุณธรรม สรรหาความยั่งยืน

นวัตกรรมแบบยั่งยืนจะยังคงเป็นศูนย์กลางต่อไป จากการที่องค์กรต่าง ๆ เช่น ต้องการสร้างความมั่นใจว่าผลกระทบที่พวกเขามีต่อโลกจะไม่มาพร้อมกับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อโลกใบนี้ การลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในการด้านการรียูส และการทำรีไซเคิลเพื่อนวัตกรรมในแบบวงปิด (closed-loop) จะเร่งความเร็วให้ฮาร์ดแวร์ที่ขนาดเล็กลงกว่าเดิมขณะที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งสร้างขึ้นด้วยสินค้ารีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ และลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ (eWaste) ขณะที่ใช้วัสดุที่มีอยู่เดิมแล้วให้มากที่สุด

 

เขียนโดย เจฟฟ์ คลาร์ก ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ และรองประธาน เดลล์ เทคโนโลยีส์

Avatar photo