ตลาดหุ้นเอเชีย เช้าวันนี้ (4 ก.พ.) ปรับตัวช่วงแคบ ท่ามกลางการจับตาดูว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินมาตรการอย่างไร เพื่อช่วยพยุงตลาดหุ้นท้องถิ่น ที่ในวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากดิ่งลงไปอย่างหนัก เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) ขณะน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดรอบ 13 เดือน ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 22,970.12 จุด ลดลง 1.82 จุด หรือ 0.01% ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ที่ 26,623.70 จุด เพิ่มขึ้น
266.72 จุด หรือ 1.01% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ที่ 2,767.89 จุด บวก 21.28 จุด หรือ 0.77% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 3,154.32 จุด ขยับขึ้น 38.01 จุด หรือ 1.22%
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ ที่ 28,399.81 จุด เพิ่มขึ้น 143.78 จุด หรือ 0.51% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,248.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.40 จุด หรือ 0.73% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 9,273.40 จุด เพิ่มขึ้น 122.47 จุด หรือ 1.34%
ตลาดได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่ในระดับ 50.9 เมื่อเดือนมกราคม แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จากระดับ 47.8 ในเดือนธันวาคม และเป็นการฟื้นตัวหลังจากที่หดตัวติดต่อกัน 5 เดือน
นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้น ที่ถูกเทขาย เพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทางด้านราคาน้ำมันดิบซื้อขายในเอเชียนั้น ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลงมาอยู่ที่ 54.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียทดิ่งลงมาอยุ่ที่ 49.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
