CEO INSIGHT

‘บีชู รันเวย์’ เคล็ดลับความสำเร็จธุรกิจเช่าเสื้อผ้าแบรนด์หรู ยุค ‘Sharing Economy’

รูปแบบธุรกิจ Sharing Economy เป็นไม่กี่โมเดลธุรกิจที่สามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจเช่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง “บีชู รันเวย์” (Bchu Runway) ที่แม้เปิดตัวมาเพียง 2 ปีแต่มีอัตราการเติบโตถึง 100% และตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 200% ในปีนี้

ศิตา ชุติภาวรกานต์ กรรมการบริหาร บริษัท บีชู กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนเริ่มต้นก่อตั้งแบรนด์ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคของไทยและพบว่า เริ่มเปลี่ยนมาสนใจในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) มากขึ้น เพราะทุกคนเริ่มตระหนักถึงการลดใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลือง ทำให้ผู้บริโภคลดการซื้อของใหม่ที่ไม่คุ้มค่า เพราะไม่อยากฟุ่มเฟือย และหันมาเช่ามากขึ้น

ศิตา ชุติภาวรกานต์ กรรมการบริหาร บริษัท บีชู กรุ๊ป จำกัด15

ทั้งนี้ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่มักหันมาลงทุนกับสิ่งที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่า ส่งผลให้รูปแบบธุรกิจเช่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ได้ ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียง “เช่า-สวมใส่-ส่งคืน” และมีการคัดสรรเสื้อผ้าจากฝีมือดีไซน์เนอร์ดัง ซึ่งถูกแบ่งออกตามประเภทการใช้งาน อาทิ ชุดสำหรับไปงานแต่งงาน, ชุดเพื่อนเจ้าสาว, งานปาร์ตี้, งานกาล่าดินเนอร์, ชุดสำหรับร่วมพิธีที่เป็นทางการ ไปจนถึงชุดสบายๆ ที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัน (Everyday Look)

แนวคิดหลักในการสร้างธรุกิจให้ประสบความสำเร็จของ บีชู รันเวย์ หัวใจสำคัญอยู่ที่ การบริการลูกค้า โดยเน้นการอำนวยความสะดวกสบายให้ลูกค้าครบทุกด้าน เช่น เข้ามาในร้านแต่ไม่รู้ว่าจะใส่ชุดแบบไหน จะมีทีมสไตล์ลิสต์คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด สำหรับลูกค้าที่สั่งเช่าทางออนไลน์ก็มีบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ หรือถ้าอยากลองชุดก่อนก็สามารถจองแล้วเข้ามาลองที่ร้านได้ รวมไปถึงทีมออนไลน์ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งพร้อมจะตอบกลับทันทีภายใน 15 นาที

“ฝ่ายบริการลูกค้าต้องสแตนด์บายตลอดเวลา เพราะทุกปัญหาของลูกค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เกิดการบอกต่อแบบ Word of mouth ทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

บีชู รันเวย์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 3 0

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการอัพเดทเทรนด์แฟชั่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเทรนด์แฟชั่นมาไวไปไว เห็นได้จากลูกค้าบางคนใส่ชุดถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียครั้งเดียว ก็ไม่อยากใส่ซ้ำแล้ว บีชู รันเวย์ จึงวางตำแหน่งแบรนด์ให้มีความแตกต่างจากร้านเช่าแบบเดิมๆ ด้วยการคัดสรรแบรนด์ และแบบใหม่ๆ ที่สำคัญต้องนำเข้ามาแบบถูกลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

ปัจจุบัน บีชู รันเวย์ มีแบรนด์เสื้อผ้าให้เลือกถึง 700 แบรนด์ รวมกว่า 50,000 ชุด ที่สามารถเลือกชมทั้งหมดได้ในเว็บไซต์ www.bchurunway.com และบางส่วนถูกกระจายไปยังหน้าร้านทั้ง 2 สาขา ได้แก่ สาขาหมู่บ้านดิสทริค ศรีวรา ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และสาขา สยามสแควร์ ซอย 3 เหมาะสำหรับกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน

ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มบริการแต่งหน้าทำผมครบวงจร ภายใต้ชื่อ “บีชู โบลว์ บาร์” (Bchu Blow Bar) ทีผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมของ บัลแมง ปารีส แฮร์ กูตูร์ (Balmain Paris Hair Couture) และอาวร์กลาส (Hourglass) เครื่องสำอางสัญชาติอเมริกัน พร้อมทีมช่างมากฝีมือ และบริการสไตล์ลิสส่วนตัวที่จะมาช่วยให้คำแนะนำในการเลือกเสื้อผ้ากับลูกค้า รวมถึงห้องรับรองพิเศษสำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเข้าใช้บริการ

ศิตา ชุติภาวรกานต์ กรรมการบริหาร บริษัท บีชู กรุ๊ป จำกัด21

สำหรับแผนงานในปีนี้ บีชู รันเวย์ จะเริ่มขยับขยายสาขาเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเป็นแห่งแรก ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อกระจายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากสามารถหาที่จอดรถง่าย ทำให้ลูกค้าเข้ามาเปลี่ยนชุดแล้วออกงานได้เลย

พร้อมกันนี้ ยังเตรียมขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย โดยเริ่มจากชุดสูทของแบรนด์ Mr. Tux ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และวางแผนเพิ่มอินเตอร์แบรนด์อื่นๆ เข้ามาอีกในอนาคต รวมทั้งจะเปิดตลาดชุดเช่าออกงานสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 2-3 ปี ขึ้นไป เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัวอีกด้วย

ศิตา กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การสื่อสารกับลูกค้าจะเน้นการโปรโมทเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์สูงถึง 80%  ทั้ง อินสตาแกรม, เฟซบุ๊ก, เว็บไซต์, แอปพลิเคชั่น รวมถึงไลน์แอดของร้าน ส่และการใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการช่วยโปรโมท ส่วนอีก 20% จะเป็นการโปรโมททางป้ายโฆษณาในเมือง การวางโบรชัวร์ไว้ตามโรงแรมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว ไปจนถึงปลายปีนี้ที่วางแผนออกป๊อปอัพ สโตร์ ไปตามหัวเมืองหลักในโซนต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, นครราชสีมา และภูเก็ต

ศิตา ชุติภาวรกานต์ กรรมการบริหาร บริษัท บีชู กรุ๊ป จำกัด17

จากแผนงานดังกล่าว รวมถึงเทรนด์ของ Sharing Economy ปีนี้บริษัทจึงมั่นใจว่า จะสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 200% พร้อมวางแผนยกระดับให้เป็นไลฟ์สไตล์ แบรนด์ในอนาคตด้วยการแตกไลน์ทำคาเฟ่หรือร้านอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างครบวงจร

Avatar photo