เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.) รัฐบาลสหรัฐ ได้ส่งเครื่องบินไปอพยพพลเมืองอเมริกันราว 240 คน ออกจากเมืองอู่ฮั่น ที่ถูกทางการจีนสั่งปิดตาย หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือชื่อเรียกทางเทคนิคว่า 2019-nCoV
หลังการอพยพดังกล่าว ยังมีชาวอเมริกันอีกราว 1,000 คนที่ยังติดอยู่กับการกักโรคครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนราว 50 ล้านคนใน 17 เมือง ท่ามกลางอัตราการติดเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
พลเมืองอเมริกันในอู่ฮั่นบอกว่า เที่ยวบินอพยพที่รัฐบาลส่งมานั้น ส่วนใหญ่เป็นการพาเจ้าหน้าที่อเมริกันในสถานกงศุล และครอบครัวของพวกเขากลับบ้าน เหลือที่นั่งเพียงน้อยนิดให้กับบุคคลทั่วไป และต้องจ่ายเงิน 1,000 ดอลลาร์ สถานการณ์ที่ทำให้ชาวอเมริกันที่ติดค้างอยู่ในอู่ฮั่นรู้สึกโกรธ เพราะเหมือนกับโดนรัฐบาลของตัวเองทอดทิ้ง
“แทบจะไม่มีตั๋วสำหรับเที่ยวบินดังกล่าวให้กับคนทั่วไปเลย คนจำนวนมากรู้สึกหัวเสียอย่างมาก เพราะ ประกาศที่ออกมาเกี่ยวกับการส่งเครื่องบินมาอพยพนั้น ทำให้ดูเหมือนว่าจะพาชาวอเมริกันทุกคนออกจากอู่ฮั่น แต่พวกเราแทบจะไม่มีใครได้ไปเลย” จอร์จ กูดวิน อาจารย์ด้านชีววิทยา จากรัฐเนวาดา สหรัฐ กล่าว
เรื่องเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่ใช่ปัญหาเดียวสำหรับ จัสติน สตีซ จากรัฐมินนิโซตา ที่เดินทางมาสอนหนังสือในอู่ฮั่น เพราะเครื่องบินที่รัฐบาลอเมริกันส่งมานั้นไม่อนุญาตให้คู่สมรส หรือสมาชิกในครอบครัวที่เป็นคนจีนของชาวอเมริกันเดินทางไปด้วย ซึ่งบุตรชายของเขาอายุยังไม่ถึง 1 เดือน และภรรยาของเขาก็เป็นคนจีน
“ผมรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติแบบนี้ ทำไมพลเมืองอเมริกันจะต้องจ่าย 1,000 ดอลลาร์ และทำไมเราถึงพาครอบครัวของเราไปด้วยไม่ได้”
ในอีเมลที่ส่งถึงนิตยสารไทม์นั้น โฆษกสถานทูตสหรัฐ ในกรุงปักกิ่ง ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เรื่องความปลอดภัย และสุขภาพของพลเมืองอเมริกัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสถานกงศุลสหรัฐ ในอู่ฮั่น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของรัฐบาล
เขายังแนะนำให้พลเรือนอเมริกันในจีน ไปลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนนักเดินทางอัจฉริยะ เพื่อที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลสหรัฐอาจวางแผนไว้สำหรับการให้ความช่วยเหลือนักเดินทาง
ที่มา : Time.com
