“พล.ท.คงชีพ” ยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตคนไทยใน “อู่ฮั่น” ลั่นถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องแสดงออกถึงความรักสามัคคี อย่าให้ร้ายกันเอง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงบทบาทของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพในการรับมือแพร่กระจายเชื่อไวรัสโคโรนาตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีให้กองทัพติดตามและทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ทั้งการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในภาวะเร่งด่วน พร้อมเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการลงพื้นที่สนามบินนานาชาติ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ชายแดน เพื่อคัดกรองผู้ป่วย
พร้อมกันนี้ กองทัพบกยังคงจัดชุดแพทย์และพยาบาลลงสนามบินร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเราเคยมีประสบการณ์จากเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซาร์ในอดีตมาแล้ว โดยโรงพยาบาลทหารเปิดพื้นที่ควบคุมโรคแยกไว้ต่างหาก และแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ให้ความรู้ประชาชน ในส่วนของศูนย์แพทย์อาเซียน ซึ่งมีประเทศสมาชิกทำงานร่วมกัน ก็ได้ประเมินและติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องเพื่อประสานงานในการทำงาน
สำหรับกองทัพอากาศได้เตรียมอากาศยานไว้ทั้งหมด 4 ลำ แต่ระหว่างนี้ต้องประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศว่าจะมีการใช้หรือจะเป็นการเช่าเครื่องบินเอกชนเช่าเหมาลำ ส่วนขั้นตอนหลังจากรับตัวคนไทยกลับในตอนนั้นก็ได้มีการประสานกับ รพ.บำราศนราดูร ในการจัดห้องแยก และวางมาตรการในการควบคุมแพร่กระจายเชื้อ
“ขอให้เชื่อมั่นมาตรการของเราที่ได้วางไว้ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความปลอดภัยของคนไทย และถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องแสดงออกถึงความรักสามัคคี และรับผิดชอบซึ่งกันและกันและต่อสังคม ควรให้กำลังใจกันในการทำงาน เจ้าหน้าที่ ไม่บั่นทอนให้ร้ายกันเอง หรือ ให้ข่าวเท็จ ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะควบคุม ดูแลกันได้ และเชื่อมั่นว่าจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกันได้” พล.ท.คงชีพ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การขณะนี้องค์การอนามัยโลกเห็นว่าจีนมีความสามารถในการควบคุมดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ และก็ไม่เห็นด้วยในกรณีที่ประเทศเร่งอพยพคนของตนเองกลับมาถ้าไม่มีมาตรการควบคุมดูแล ซึ่งประเทศที่จีนอนุมัติให้กลับประเทศนั้น ก็ต้องให้ความเชื่อมั่นว่าควบคุมดูแลได้ ไม่ใช่เอาคนของตัวเองกลับไปและไม่สามารถควบคุมการกระจายของเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยหากจีนอนุมัติเราก็พร้อมรับกลับ และดูแลอย่างเต็มที่ คนไทยไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องมีความรู้ในการรับมือ และป้องกัน
