สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากประเทศจีนที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ กำลังสร้างความกังวลไปทั่วทั้งโลก ทางการจีนเริ่มออกมาตรการควบคุมเข้มงวด ประกาศเตือนประชาชนห้ามเดินทางเข้าออกเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน พร้อมห้ามทัวร์จีนเที่ยวต่างประเทศเป็นระยะเวลา 3 เดือน
แน่นอนว่าเรื่องนี้กระทบไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) คาดว่า คำสั่งนี้จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป 1.2 – 1.3 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 5 หมื่นล้านบาท
คำถาม คือ แล้วในมุมมองการลงทุนล่ะ เรื่องนี้น่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ?
จับตา “สายการบิน – ท่องเที่ยว” น่ากังวล
กลุ่มที่เจอปัจจัยลบแน่ๆ คงหนีไม่พ้นกลุ่มธุรกิจสายการบิน และธุรกิจการท่องเที่ยว ด้วยความเสี่ยงที่จะกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาในไทย ยิ่งจีนที่ถือเป็นนักท่องเที่ยวหลักของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 46%
ย้อนกลับไปในปี 2546 ที่เกิดเหตุการณ์โรคซาร์ส (SARS) ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่คล้ายคลึงกันกับตอนนี้ เพราะว่าเริ่มมาจากจีนเช่นกัน ก่อนจะกระจายไปอีกหลายประเทศ
เหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยลดลง 24% ขณะเดียวกัน หลังจากที่เชื้อโรคระบาด ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการบินขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS) ปรับลดลง 5.7% และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (TOURISM) ลดลง 6.2%
สำรวจสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารจีนของกลุ่มหุ้นสายการบิน – สนามบิน
1. AAV บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) 30%
2. AOT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 15%
3. THAI บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 8%
4. BA บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2%
*ข้อมูลจากบล. เอเชียพลัส
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Valuation ของหุ้นกลุ่มข้างต้นนี้จะถูกกดดัน และทยอยปรับลดลงตามกระแสข่าวลบที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก บล. กสิกรไทย ระบุว่า กลุ่มโรงแรมอย่าง MINT, ERW และ CENTEL ก็เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนในระดับสูงที่ 13 – 18% จึงเป็นอีกกลุ่มที่ต้องจับตา นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสำคัญว่า “ทุกๆ 1% ของนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จะส่งผลต่อกำไรของ AOT ประมาณ 0.1%”
ลองมาสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ บล.เอเชียพลัส ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มการบิน “น้อยกว่าตลาด” ระยะสั้นแนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อน และ “หลีกเลี่ยงการลงทุน” กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม เนื่องจากได้รับผลกระทบทุกตัว โดยเฉพาะ ERW ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศมากที่สุด
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดว่าอาจกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวระยะสั้น ทำให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว จะยังเจอ Sentiment เชิงลบ อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดหลังเหตุการณ์คลี่คลายลง ภาพรวมกลุ่มท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงได้ ดังนั้นแนะใช้กลยุทธ์ค่อยๆ ทยอยสะสมในจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวลง
กลุ่มโรงพยาบาลรับอานิสงส์
เป็นปกติเมื่อมีกลุ่มเสียผลประโยชน์ ย่อมมีอีกเป็นที่เป็นโอกาส ทั้งนี้ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม แนะนำให้ทยอยสะสมกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีการเข้ามาเก็งกำไรจากนักลงทุนนั่นเอง
เช่นเดียวกัน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่าแนะนำ Selective Buy หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้รับอานิสงส์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนารวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 โดยแนะนำ BDMS, BH, BCH และ CHG
- คาดทัวร์จีนกลับประเทศหมด 5 ก.พ.นี้ จับตา ‘แบ็คแพ็กเกอร์’ อยู่ต่อ 2 เดือน
- พิษร้าย ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่’ สะเทือน ‘ธุรกิจ’ ดาหน้าปิดกิจการ
- 3 นักการทูตเดินทาง 1,200 กม.ปฏิบัติภารกิจพาคนไทยกลับบ้าน
- ไม่รอดูสถานการณ์!ยกเลิก ‘สนุ้กไชน่าโอเพ่น’ เดือนมีนาคมเลี่ยง ‘ไวรัสโคโรนา’
- พิษร้าย ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่’ สะเทือน ‘ธุรกิจ’ ดาหน้าปิดกิจการ
- ในหลวงทรงมีพระราชสาส์นถึงปธน.จีน แสดงความห่วงใยกรณีไวรัสโคโรนาระบาด