“กรุงเทพโพลล์” เผยประชาชนชี้ฝุ่นพิษกระทบต่อสุขภาพ จี้ภาครัฐดูแลโรงงาน-รถยนต์ปล่อยมลพิษอย่างจริงจัง
กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “วิกฤตการณ์ฝุ่นเกินค่า…ต้องฝ่าไปด้วยกัน” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,180 คน พบว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในประเทศไทยขณะนี้ประชาชน 33.5% ระบุว่าได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ โดย 33.3% ระบุว่ามีอาการไอ จาม มีน้ำมูก รองลงมา 32.4% ระบุว่ามีอาการหายใจไม่สะดวก/หายใจได้ไม่เต็มปอด และ 18.2% ระบุว่ามีอาการแสบตา ตาอักเสบ ตาแดง
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 51.5% เลือกวิธีป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ รองลงมา 30.3% ระบุว่าเลี่ยงเดินทางที่มีจราจรคับคั่ง/ไม่ออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น และ 12.6% ระบุว่างดกิจกรรม/การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง
ส่วนความเห็นที่มีต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าควรมีมาตรการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในช่วงเร่งด่วนนี้อย่างไร ส่วนใหญ่ 57.6% ระบุว่า ควรงดปล่อยควันจากโรงงาน/การเผา/รถควันดำในช่วงนี้อย่างจริงจัง รองลงมา 54.1% ระบุว่าควรแจกอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกระจายทุกพื้นที่ และ 53.6% ระบุว่าควรตั้งหน่วยเฉพาะกิจมาบริหารจัดการ แก้ปัญหาฝุ่นอย่างเร่งด่วนและมีอำนาจสั่งการจริงจัง
สำหรับความเชื่อมั่นต่อมาตรการแก้ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลว่าจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นในระยะ 2-3 เดือนนี้ได้ พบว่า มาตรการที่ประชาชนส่วนใหญ่ 79.7% เชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในช่วงนี้ได้คือ สร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง รองลงมา 60.2% คือมาตรการสนับสนุนการจัดโครงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ดีเซลที่มีอายุเกิน 5 ปี เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง และ 55.8% คือมาตรการตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองหากเกินมาตรฐานให้สั่งปรับปรุงแก้ไข หรือสั่งหยุดกิจการ
