องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International – TI) เผยแพร่ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันในภาครัฐทั่วโลก (Corruption Perception Index – CPI) ประจำปี 2562 ซึ่งไทยยังได้คะแนนเท่าเดิมที่ 36 คะแนน จาก 100 คะแนน ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2561 แต่มีอันดับร่วงลงมาอยู่ที่ 101 จากเดิมที่อันดับ 99 จากทั้งหมด 180 ประเทศ ถือเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา
ทีไอ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ระบุว่า ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันที่เผยแพร่ออกมาล่าสุดนี้ โดยภาพรวมในปี 2562 มีหลายประเทศมีพัฒนาการในด้านการต่อต้านการคอร์รัปชันเพียงเล็กน้อยและบางประเทศถือว่าไม่มีพัฒนาการเลย
รายงานบอกด้วยว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวต่อต้านการคอร์รัปชันทั่วโลก และมีคนหลายล้านคนออกมาพูดถึงการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของประเทศตัวเอง โดยการคอร์รัปชันเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับสูง จากคนในรัฐบาล ไปจนถึงการติดสินบนเล็กน้อย ซึ่งทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสาธารณะพื้นฐาน เช่น การรักษาสุขภาพและการศึกษา ทำให้ประชาชนจำต้องทนอยู่กับผู้นำ หรือองค์กร ที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชัน
สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความสิ้นหวังในสังคมต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล และบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมต่อผู้นำทางการเมือง เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง รวมถึงระบอบประชาธิปไตย
ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันในภาครัฐทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วชี้ว่า 2 ใน 3 ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำคะแนนได้ไม่ถึง 50 คะแนน ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยทำคะแนนได้ 36 คะแนน เท่ากับปีก่อนหน้า ขณะที่คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 43 คะแนน
ทั้งนี้ CPI มีค่าคะแนนตั้งแต่ 0 คะแนน ที่หมายถึง คอร์รัปชันมากที่สุด ไปจนถึง 100 คะแนน หรือ คอร์รัปชันน้อยที่สุด ซึ่งหากค่า CPI ยิ่งสูง ประเทศนั้นก็จะมีความโปร่งใสมาก และคอร์รัปชันต่ำ แต่ถ้าค่า CPI ต่ำ ประเทศนั้นก็จะมีความโปร่งใสน้อย และคอร์รัปชันสูง
สำหรับในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ไทยร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 6 โดยมีเวียดนามแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับ 5 ซึ่งเป็นอันดับของไทยเมื่อปี 2561 เนื่องจากในปี 2562 เวียดนามทำคะแนนได้ดีขึ้น ที่ 37 คะแนน และยังมีอันดับโลกสูงกว่าไทยที่ลำดับ 98
ส่วนประเทศที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ CPI ได้แก่ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ ทำคะแนนได้ 87 คะแนน ตามมาด้วย ฟินแลนด์ ที่ 86 คะแนน สิงคโปร์ สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์ ทำคะแนนได้ประเทศละ 85 คะแนน
ส่วนประเทศรั้งท้ายได้แก่ เวเนซุเอลา เยเมน ซีเรีย เซาท์ซูดาน และโซมาเลีย ทำคะแนนได้ 16, 15, 13, 12 และ 9 ตามลำดับ
