แฮคเกอร์ขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคนไข้ 1.5 ล้านคน และใบสั่งยาผู้ป่วยนอกอีก 160,000 คน รวมถึง ของนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง และรัฐมนตรีอีกจำนวนหนึ่ง ในเหตุการณ์ที่กลายเป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งรุนแรงสุดของสิงคโปร์
รัฐมนตรีหลายกระทรวงของสิงคโปร์ จัดแถลงข่าวร่วมกันในวันนี้ (20 ก.ค.)ว่า การโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศใดประเทศหนึ่งนั้น กลุ่มแฮคเกอร์ได้เจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของสิงค์เฮลธ์ กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพรายใหญ่สุดของสิงคโปร์ ที่มีโรงพยาบาลในเครือ 4 แห่ง ศูนย์รักษาเฉพาะทาง 5 แห่ง และโพลีคลินิค 8 แห่ง
ทางการยังเชื่อว่า ข้อมูลสุขภาพของนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง เป็นเป้าหมายเจาะจงของกลุ่มแฮคเกอร์ เพราะตรวจพบถึงการได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และตกเป็นเป้าหมายหลายครั้ง
นายกัน คิม ยัง รัฐมนตรีสาธารณสุข และนายเอส อิสวารัน รัฐมนตรีสื่อสาร และสารสนเทศ สิงคโปร์ อธิบายถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เป็นการละเมิดข้อมูลส่วนตัวที่เหนือความคาดหมาย และมีความรุนแรงที่สุดในสิงคโปร์
นายกันยังได้กล่าวขอโทษต่อผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้
ขณะที่นายเดวิด โก๊ะห์ ซีอีโอสำนักงานรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แห่งสิงคโปร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีการวางแผนมาอย่างดี มีเป้าหมาย และตั้งใจที่จะลงมือทำ
“การโจมตีครั้งนี้ ไม่ใช่ฝีมือของแฮคเกอร์ธรรมดาๆ หรือกลุ่มอาชญากรรมแต่อย่างใด”
ข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยที่ถูกขโมยไปนั้น รวมถึง ชื่อ เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เพศ เชื้อชาติ และ วันเดือนปีเกิด ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า การโจมตีครั้งนี้ ไม่ได้มีการบิดเบือนประวัติการรักษา และประวัติด้านอื่นๆ ของคนไข้แต่อย่างใด ทั้งยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ ถึงการเจาระบบไอทีของโรงพยาบาลรัฐแห่งอื่นๆ แต่อย่างใด
ผลการสอบสวนเบื้องต้น แสดงให้เห็นว่า แฮคเกอร์ใช้วิธีปล่อยมัลแวร์ ที่ทำให้สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้ ซึ่งการโจรกรรมข้อมูลนี้ เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
สิงค์เฮลธ์ ระบุว่า จะติดต่อกับผู้ป่วยทุกคน ที่มาใช้บริการคลินิกเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วยนอก และโพลีคลินิกต่างๆ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล และจะมีการส่งข้อความทางเอสเอ็มเอสถึงผู้ป่วยทุกคนด้วย
