ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2561 โดยมีกำไรสุทธิ 10,916.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,930.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,986.11 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกปีนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 21,682.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,525.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.18% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19,157.59 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรงวด 6 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น 13.18% ส่วนใหญ่เกิดจากธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้ พบว่าใกล้เคียงกับปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1,631 ล้านบาท หรือ 3.51% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้กู้ยืมตามธุรกรรมซื้อคืน และเงินให้สินเชื่อ ส่วนอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.40%
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 134 ล้านบาท หรือ 0.43% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง และการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 1,590 ล้านบาท หรือ 5.11% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.13%
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 ธนาคาฯมีสินทรัพย์รวม 3.02 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2560 จำนวน 1.24 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.29% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ และการเติบโตของสินเชื่อ ส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ระดับ 3.29% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2560 ที่อยู่ที่ระดับ 3.30%
ส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ระดับ 150.08% จาก ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ระดับ 148.45% ด้านอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 อยู่ที่ 18.05% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.57%
