Finance

‘ทรีนีตี้’ แนะนักลงทุนจัดพอร์ต รับทศวรรษแห่ง ‘ความเสี่ยง’

ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนจัดพอร์ตรับมือภาวะเสี่ยง ผลพวงจากเศรษฐกิจโลกและไทยชะลอตัว มองจีดีพีไทยปีนี้ขยายตัว 2.8-2.9% ขณะที่ภาระหนี้ท่วมโลก จากการใช้มาตรการคิวอี คาดหุ้นไทยผันผวน แนะถือหุ้น 30% ตราสารหนี้ 30%ทองคำ 10% เงินสด 20%

ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2563 ซึ่งเข้าสู่ช่วงทศวรรษแห่งความเสี่ยง (ปี 2563-2573) จะเป็นยุคที่นักลงทุนหาผลตอบแทนได้ยากขึ้นจากภาวะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นผลพวงจากการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านกระบวนการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายหรือ QE ของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ กว่า 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา

ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล

ทั้งนี้ การทำ QE ของธนาคารกลางต่าง ๆ ทำให้สภาพคล่องในระบบสูงขึ้น ผลักดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นกว่า 174% ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นกว่า 115% นอกจากนี้ราคาสินทรัพย์เกือบทุกประเภทเพิ่มขึ้น เช่น ทองคำในรูป US$ ปรับตัวขึ้นกว่า 38 % ราคาที่ดินในกรุงเทพและปริมณฑลปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 118% และผลตอบแทนพันธบัตรไทย โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 69% แต่หนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้นจาก 58% ของ GDP มาสู่ 80% ของ จีดีพี

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจโลกปีนี้ คาดว่าจะยังคงอยู่ในภาวะเติบโตต่ำ และเงินเฟ้อต่ำ จากปัจจัยที่จำกัด Upsides หรือจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในเชิงสภาพคล่อง ได้แก่ นโยบายทางการเงินเริ่มจำกัดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำมากและระดับหนี้สาธารณะในหลายประเทศที่สูงขึ้น จึงคาดว่ารัฐบาลหรือธนาคารกลางประเทศต่างๆ อาจจะออกมาตรการเพื่อช่วยผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มโดยตรงมากขึ้น

ในส่วนของประเทศไทย ประเมินว่าจีดีพีไทยจะขยายตัว 2.8-2.9 % ขณะที่คาดการณ์ทิศทางดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ว่าจะแกว่งตัวเป็น Sideway ขนาดใหญ่ ในกรอบ 1,480-1,700 จากประมาณการกำไรหรือ EPS ที่ยังคงไม่มีสัญญาณการถูกปรับขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยจะมีแรงจูงใจเรื่องเงินปันผลที่ดี โดยคาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 4 เดือนแรก ตามปัจจัยฤดูกาลของหุ้นปันผลสูง ก่อนที่จะปรับย่อตัวลงหลังจากนั้น

hand 577356 960 720

ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปี ทิศทางหุ้นไทยจะแกว่งตัวไปตามพัฒนาการของประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งอิงกับปัจจัยสำคัญที่เข้ามากระทบ ทั้งความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทิศทางของสงครามการค้า ราคาน้ำมันดิบ ค่าเงินบาท มาตรฐานบัญชีใหม่ มาตรการกำกับดูเแลสถาบันการเงิน สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ และการเบิกจ่ายงบประมาณต่าง ๆ โดยภัยแล้งจะกระทบการบริโภคภาคครัวเรือน

“แต่ถ้า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโบายลงอีก 0.25% เป้าหมายของ PE จะถูกปรับเพิ่มขึ้นจาก 15.4 เท่าเป็น 15.8 เท่า ทำให้เป้าหมายดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้นได้อีก 40 จุด มาสู่ระดับ 1,740 จุด”ดร.วิศิษฐ์ กล่าว

ในปีนี้ปัจจัยที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นคือ สงครามการค้าที่ผ่านพ้นความตึงเครียดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ผู้ผลิตและผู้จัดซื้อมีความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สภาพคล่องในระบบการเงินโลกยังคงสูงอยู่ สะท้อนผ่านขนาดงบดุลของธนาคารกลางสำคัญ ที่จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ส่วนประเทศไทย ความคาดหวังสำคัญอยู่ที่การใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมาก

financial 3207895 960 720

ส่วนปัจจัยที่เป็นลบคือ ค่าเงินบาทที่บ่งบอกถึงไทยกำลังสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน โครงสร้างประชากรที่สูงวัยมากขึ้น การเกิดเทคโนโลยี ดิสรัปชั่น การจ้างงานที่ลดลงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง การผลิตในประเทศลดลง ขณะที่ Fund Flow หรือกระแสเงินทุนจะยังไม่เข้าหุ้นไทย โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายสุทธิกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2563 และเป็นขายสุทธิกว่า 5 แสนล้านบาทในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการถือครองของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยถือว่าลดลงเกือบต่ำสุดในรอบ 15 ปี

ทั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ แนะนำการจัด Portfolio โดยให้ลงทุนในหุ้น 30% ลงทุนในตราสารหนี้ 30% ลงทุนทองคำ 10% ลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 10%  ที่เหลือให้ถือเป็นเงินสด 20% เพื่อใช้เป็นจังหวะในการซื้อสินทรัพย์ ในช่วงที่ราคาปรับตัวลงมา

Avatar photo