Technology

‘5G’ คีย์แมนของ ‘ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง’ ปี 2563

การตลาดบนโลกดิจิทัลยังคงขับเคี่ยวกันอย่างเมามัน นักการตลาดเองจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ สำหรับเทรนด์การตลาดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในปี 25630 คงหนีไม่พ้น 5G

5G คืออะไรกันแน่ ดีกว่า 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างไร

Pic2 1

5G คือ ระบบการเชื่อมต่อไร้สายที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยอุปกรณ์ดิจิทัลทุกชนิดสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ นั่นคือ การมาถึงของ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) ความเร็วของอินเทอร์เน็ต 5G จะเร็วมากกว่า 4G ถึง 10 เท่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้า 4G ใช้เวลาในการโหลดวิดีโอ 5 นาที 5G จะใช้เวลาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น!

แน่นอนว่า 5G จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจสื่อและโฆษณา เพราะการสื่อสารจะเปลี่ยนจากการสื่อสารในรูปแบบดิจิทัล 2D เป็น 3D ทันที รวมทั้งเรื่องการมาถึงของ ไอโอที อีก คาดว่าถ้า 5G เกิด ดิจิทัล ดิสรัปชั่น อีกเวอร์ชั่นก็จะเกิดตามมา นอกจากนี้แล้วเรื่อง ความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะไม่ถูกพูดถึงอีกต่อไป แต่เราจะพูดคุยเรื่อง Latency หรืออัตราการหน่วงของข้อมูลแทน

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ 5G จะทำให้การสื่อสารทางไกลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม

5G ยังส่งผลกระทบกับเรื่องการทำคอนเทนต์ ของนักการตลาดด้วย เนื่องจากอัตราความเร็วของวิดีโอ และคุณภาพของเนื้อหา หรือคุณภาพของซอฟต์แวร์ดีขึ้น ส่งผลไปถึงอัตราการโตของ โอทีที (Over the Top Content) จะดีขึ้นเช่นกัน และอาจมีการย้ายแพลตฟอร์มการส่งผ่านเนื้อหาได้เร็วขึ้น

5GEricsson
Business, Technology, Internet and network concept. Young businessman working in the field of the future, he sees the inscription: 5G

ส่วนเรื่องราคาของฮาร์ดแวร์จะมีการปรับราคาลง เนื่องจากระบบ 5G ทำให้เกิด คลาวด์ คอมพิวติ้ง ซึ่งระบบนี้ฮาร์ดแวร์ไม่ต้องทำงานหนัก ผู้ใช้งานสามารถใช้ใช้ฮาร์ดแวร์ปกติได้ เพราะระบบหรือโปรแกรมต่างๆ จะอยู่ที่คลาวด์ เพราะฉะนั้น แอสเซส ต่างๆ จะแมสมากขึ้นและไปเร็วมากๆ

แต่ถ้า 5G มาช้า สามเหลี่ยมปัญหาจะเกิดขึ้น สามเหลี่ยมปัญหาอันแรกคือ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม เมื่อคนย้ายแพลตฟอร์มมากขึ้น จะส่งผลให้เกิด Dirty Data หรือว่า Data Fraud เมื่อมี Data Fraud เกิดขึ้นมากก็จะส่งผลไปที่ แบรนด์ เซฟตี้

แพลตฟอร์ม ชิฟติ้ง (Platform Shifting) ทำให้นักการตลาดต้องปรับตัวในการทำกลยุทธ์ใหม่ เพื่อให้ตัวเองตามรู้ทันและนำหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ปัญหาที่จะตามมาก็คือ เมื่อคน Shift เยอะขึ้น นักการตลาดต้องไปตามหากลุ่มเป้าหมายให้เจอ แต่ด้วยปัญหาเรื่อง Data Fraud จะมี ดาต้า จริง และดาต้าไม่จริงในระบบ ทำให้การแยกกลุ่มเป้าหมายอาจยากมากขึ้น รวมทั้งปัญหาเรื่อง แบรนด์ เซฟตี้ จะทำอย่างไรไม่ให้แบรนด์ไปอยู่ในสถานที่ๆ หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีกลุ่มเป้าหมาย หรือเป็นเว็บไซต์ใดๆ ก็ตามที่ไม่ควรปรากฎ ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยให้กับแบรนด์ด้วย

นอกจากนี้ เรามักพูดเรื่องการทำ O-2-O-2-O (On ground to Online to On Air) ปี 2563 ต้องมีอีก O มาต่อ นั่นคือ On Shop ไม่ว่าจะเป็น Shop ที่เป็นออนไลน์ หรือ ออฟไลน์ ก็ตาม จะได้ครบวงจรเรื่องการทำอีคอมเมิร์ซ เพื่อทำให้ทุกบาทของแบรนด์ เปลี่ยนจากการวัด Key Performance Indicator (KPI) ด้านสื่อ เป็นการวัด KPI ด้านยอดขายแทน

Cr : ipg-connect

Avatar photo