สื่อต่างชาติระบุ “โบอิง โค” ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่สุดของสหรัฐ อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับการกู้เงินไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากวิกฤติเครื่องบินรุ่น “737 แม็กซ์”
รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า จนถึงขณะนี้ โบอิงสามารถกู้เงินได้แล้วอย่างน้อย 6,000 ล้านดอลลาร์ และอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารรายอื่นๆ อยู่ เพื่อให้ได้เงินกู้เพิ่มมากบึ้น
อย่างไรก็ดี แม้จะมีตัวเลขดังกล่าวออกมา แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า โบอิงต้องการเงินจำนวนเท่าไร และบริษัทจะเดินหน้าออกหุ้นกู้จำหน่ายในตลาดหรือไม่ ซึ่งสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับโบอิงในขณะนี้ คือ สภาพคล่อง เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ จะถูกสั่งห้ามบินไปอีกนานเท่าใด
ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์รายงานด้วยว่า สำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐ (เอฟเอเอ) ไม่มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้เครื่องบินโบอิง รุ่น 737 แม็กซ์ กลับขึ้นบินได้ก่อนเดือนมีนาคมนี้ แต่ก็เป็นไปได้ว่า อาจต้องรอไปจนถึงเดือนเมษายน หรือนานกว่านั้น กว่าจะได้รับอนุญาต
เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) โบอิงยังยืนยันว่า บริษัทได้ระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 แม็กซ์ในรัฐวอชิงตันแล้วตามที่เคยประกาศเรื่องนี้ไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
โบอิงประเมินว่า จนถึงขณะนี้ ค่าเสียหายจากการที่เครื่องบิน 737 แม็กซ์ ถูกสั่งห้ามขึ้นบินนั้น มีมูลค่ามากกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทจะเปิดเผยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมก้อนโต ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ในวันที่ 29 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับสายการบินต่างๆ ที่ต้องสูญเสียเที่ยวบินไป เพราะนำ 737 แม็กซ์ ออกให้บริการไม่ได้ รวมถึง เงินช่วยเหลือสำหรับซัพพลายเชนของบริษัทด้วย
นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า วิกฤติ 737 แม็กซ์ ดังกล่าว ทำให้ในปัจจุบัน โบอิงอยู่ในภาวะขาดทุนประมาณเดือนละ 1,000 ล้านดอลลาร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โบอิงรายงานยอดสั่งซื้อเครื่องบินสุทธิที่เลวร้ายสุดในรอบหลายสิบปี และการจัดส่งเครื่องบินจำนวนน้อยที่สุดในรอบ 11 ปี ตอกย้ำสถานะการเงินที่ย่ำแย่ของบริษัท เพราะตามปกติแล้ว โบอิงจะไม่ได้รับเงินค่าเครื่องบิน จนกว่าบริษัทจะดำเนินการส่งมอบเครื่องบินที่ผลิต
