จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย กรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ประกาศมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน นับจากประกาศวันที่ 13 กรกฎาคม 2561
นายประเวศวุฒิ ไรวา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าประกาศห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าที่มีกรดไขมันทรานส์ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่ออุตสาหกรรมอาหารในการสร้างความเข้าใจต่อผู้บริโภคถึงวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยนับตั้งแต่ปี 2549 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้กำหนดให้ไขมันทรานส์ต้องติดอยู่ในฉลากที่แสดงโภชนาการที่คนทั่วไปสามารถเห็นได้เพื่อทำการควบคุมปริมาณ ทำให้บริษัทตื่นตัวเรื่องกำหนดให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มเบเกอรี่ทุกรายการไม่มีไขมันทรานส์มากว่า 10 ปี โดยแสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์
แจ้งคู่ค้าวัตถุดิบปลอดไขมันทรานส์
นายกำธร ศิลาอ่อน กรรมการผู้จัดการใหญ่สายการผลิตและการเงินบริษัทเอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่านับตั้งแต่ปี 2549 หรือ 12 ปีที่ผ่านมา บริษัทเริ่มดำเนินการตามข้อกำหนดไขมันทรานส์ขององค์การอาหารและยาสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2550 เริ่มดำเนินการวิเคราะห์หาปริมาณไขมันทรานส์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เค้ก พาย ขนมปัง คุกกี้ ปี 2551 คุยกับซัพพลายเออร์ ในผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานส์สูง โดยขอให้พัฒนาวัตถุดิบให้มีค่าไขมันทรานส์ต่ำ เพื่อสอดคล้องกับข้อกำหนด องค์การอาหารและยาสหรัฐ ปี 2555 วิเคราะห์ปริมาณไขมันทรานส์ในกลุ่มออาหารแช่แข็ง (Quick Meal) ปี 2556-2560 ซัพพลายเออร์เดิมใช้เวลาในการพัฒนาวัตถุดิบปลอดไขมันทรานส์ ขณะเดียวกันบริษัทได้หาซัพพลายเออร์ใหม่เพิ่มเติม จากนั้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และทยอยส่งตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ใหม่อีกครั้ง
“เอสแอนด์พี ขอให้คู่ค้าเลิกใช้ไขมันทรานส์ในวัตถุดิบแต่ละชนิดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน และมีหลักฐานยืนยันจากคู่ค้าทุกราย อีกทั้งผลการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ทุกประเภทจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นต้นมานั้นได้ตัดวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงออก รวมทั้งส่งไปวิเคราะห์ซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเอสแอนด์พีทุกรายการ ไขมันทรานส์ เป็น 0 กรัมต่อ 1 เสิร์ฟ”
สื่อสารลูกค้าผ่านหน้าร้าน-ออนไลน์
นายกำธร กล่าวว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเอสแอนด์พีทุกรายการ “ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของไขมันทรานส์” ซึ่งระบุข้อมูลโภชนาการไว้ชัดเจนบนฉลากผลิตภัณฑ์ บริษัทจึงมีความพร้อมปฎิบัตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย กรดไขมันทรานส์
อย่างไรก็ตามหลังมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ได้ขอให้ซัพพลายเออร์กว่า 100 รายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ส่งหนังสือรับรองวัตถุดิบปลอดไขมันทรานส์มายืนยันกับบริษัทอีกครั้ง พร้อมกันนี้ได้ส่งผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ทุกรายการไปตรวจรับรองสินค้าปลอดไขมันทรานส์ด้วยเช่นกัน
หลังจากมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ามีลูกค้าสอบถามเกี่ยวกับเรื่องไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่เอสแอนด์พี มาทั้งช่องทางเฟซบุ๊กและหน้าร้าน ซึ่งปัจจุบันมี 500 สาขา แบ่งเป็นร้านอาหาร 150 สาขา และเบเกอรี่ช็อป 350 สาขา โดยให้ทุกช่องทางสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้บริโภคว่าสินค้าปลอดไขมันทรานส์
