Economics

วิกฤติภัยแล้ง!! คาดทำเศรษฐกิจเสียหาย 1.9 หมื่นล้านบาท

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย”ประเมินภัยแล้งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 17,000-19,000 ล้านบาท กระทบต่อจีดีพีปีนี้ประมาณ 0.10-0.11%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 อาจทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 17,000-19,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 0.10-0.11% ของจีดีพี ทั้งนี้ ต้องติดตามระดับความรุนแรงของภัยแล้งโดยเฉพาะในเดือนมีนาคม – เมษายน และระยะเวลาการเกิดภัยแล้งที่อาจลากยาวไปในช่วงแล้งนอกฤดูกาลจนไปกระทบต่อภาพรวมความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งปีนี้ให้อยู่ในภาวะวิกฤตมากขึ้นที่ความต้องการในตลาดโลกชะลอตัวลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ขณะที่ระดับน้ำในเขื่อน ณ วันที่ 16 มกราคม 2563 ที่มีปริมาตรน้ำใช้การได้ในเขื่อนทั้งประเทศอยู่ที่เพียง 19,693 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือลดลง 33.1% (YoY) เป็นการลดลงในแทบทุกภาคของประเทศ อีกทั้งยังเป็นระดับน้ำที่ต่ำกว่าปี 2558 ที่เกิดภัยแล้งรุนแรงซึ่งมีระดับน้ำอยู่ที่ 20,664 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าในระยะ 3 เดือนนี้ (ม.ค.-มี.ค.63) ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งประเทศอาจต่ำกว่าค่าปกติราว 10% รวมถึงอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติราว 0.5 องศาเซลเซียส

“ทำให้คาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 น่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าปีก่อน จนกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้งนี้ให้ลดลง รวมถึงส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายได้เกษตรกรให้ต้องเผชิญความยากลำบาก” ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ

ในเบื้องต้นประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งจะสร้างความเสียหายทำให้ผลผลิตลดลงอยู่ในกรอบ 4.0-6.0% (YoY) จนมีผลทำให้ราคาพืชเกษตรในช่วงฤดูแล้งปรับเพิ่มขึ้นในทุกรายการ โดยข้าวเพิ่มขึ้น 8.2-11.4% (YoY) มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 2.3-5.4% (YoY) และอ้อยเพิ่มขึ้น 26.0-29.7% (YoY) ส่งผลต่อรายได้เกษตรกรในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 ให้อาจหดตัวอยู่ในกรอบ 0.5-1.0% (YoY) โดยเป็นผลจากแรงฉุดด้านผลผลิตเป็นหลัก

หน้าแล้ง21631

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เป็นการประเมินในเบื้องต้น ซึ่งหากรวมผลเสียหายของพืชเศรษฐกิจอื่น และระดับความรุนแรงของภัยแล้งที่มากขึ้น ก็อาจทำให้มีมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งคงต้องฝากความหวังไว้กับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้อาจช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้อยู่ในวงจำกัดได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภัยแล้งในฤดูกาลปี 2563 น่าจะวิกฤติมากกว่าปี 2562 และน่าจะวิกฤติมากกว่าปี 58 ซึ่งเป็นปีที่มีภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี นอกจากนี้ ยังต้องติดตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ภัยแล้งในฤดูกาลอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2563 ที่น่าจะแล้งจัดและเป็นช่วงที่มีผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาดจำนวนมากจนอาจกระทบต่อผลผลิตข้าวที่เสียหาย รวมถึงอาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง และระยะเวลาภัยแล้งที่อาจลากยาวต่อเนื่องถึงช่วงกลางปีนี้ได้ จากอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งคงต้องจับตาสถานการณ์ภัยแล้งต่อไป ถ้าหากลากยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงภัยแล้งนอกฤดูกาลก็อาจกระทบต่อฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีและสร้างความความสูญเสียทางเศรษฐกิจของภาพรวมทั้งปีนี้ให้อยู่ในภาวะวิกฤตมากขึ้นไปอีก

ภาพจาก Pixabay

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK