“สมคิด” ชี้ทางออกประเทศไทย สั่งจับตาระเบิดลูกใหม่ หวั่น “บาทแข็ง” กระทบส่งออก แนะทุกฝ่ายช่วยกันอย่ากดดันแค่ “ธปท.”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “2020 ปีแห่งการลงทุน ทางออกประเทศไทย” ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบันอยู่ในสถานะต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะต้องเจอพายุหนัก หรือระเบิด 2 ลูก ลูกแรกเป็นระเบิดเหนือน้ำ คือ สงครามทางการค้าจีน-สหรัฐ จนกระทบการส่งออกปี 2562 ติดลบ ส่วนระเบิดลูก 2 เป็นระเบิดใต้น้ำจากปัญหาโครงการลงทุนหลายโครงการเกิดความล่าช้า ยังไม่เริ่มลงทุนได้ ทำให้นักลงทุนตัดสินใจช้าตามไปด้วย
“ยอมรับว่าปัญหาเงินบาทแข็งค่าอาจกลายเป็นระเบิดลูกที่ 3 กระทบการส่งออก เพราะนักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจชะลอตัวต้องเก็บเงินเอาไว้ก่อน จึงขอให้นักลงทุนเอกชนลงทุนในประเทศ เพื่อนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ หวังช่วยเพิ่มแรงผลักดันให้เงินบาทแข็งค่าอีกด้านหนึ่ง จึงต้องเรียกร้องทุกฝ่ายร่วมกัน ไม่ใช่กดดันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพียงอย่างเดียว” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ขณะนี้เริ่มมีแสงสว่างเมื่องบประมาณรายจ่ายปี 2563 ผ่านสภาผู้แทนราษฎรปลายสัปดาห์ก่อน โดยต้องเร่งรัดอัดฉีดเงินลงทุนและงบประจำออกสู่ระบบช่วงไตรมาส 2 เพิ่มจาก 23% ปลายปี เพิ่มเป็น 54% ของเงินงบประมาณ หรือวงเงิน 1 ล้านล้านบาท จากนั้นจะเบิกจ่ายต่อเนื่องไตรมาส 3 ได้กว่า 70% และเต็มร้อยเปอร์เซ็นเดือนกันยายนไตรมาสสุดท้ายปีงบประมาณ หลังจากเร่งรัดเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจช่วงปลายปี จึงออกสู่ระบบได้ตามเป้าหมายแสนล้านบาท จึงเรียกประชุมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกำหนดทิศทางในช่วงบ่ายวันนี้ (15 ม.ค.)
