“สหภาพฯ” ยื่นหนังสือถึง “ศักดิ์สยาม” แสดงจุดยืนหนุน “รองศิริพงศ์-รองจเร” คว้าตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ เหตุเริ่มงานได้ทันที ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยหลังยื่นหนังสือเรื่อง “การพิจารณาคัดสรรผู้ว่าการรถไฟฯ ขอให้พิจารณาจากคนภายในการรถไฟฯ” ต่อตัวแทนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วันนี้ (14 ม.ค.) ว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯ ชุดปัจจุบันได้มีมติให้ดำเนินการสรรหาผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ซึ่งสหภาพฯ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ผู้ว่าที่มีอำนาจเต็มมาบริหารงาน หลังจากมีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว
โดยผู้สมัครเข้ารับสรรหาในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน แบ่งเป็นบุคคลภายในองค์กร 2 คนและบุคคลภายนอก 2 คน ได้แก่ 1. นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการการรถไฟฯ กลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน, 2. นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการการรถไฟฯ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน, 3. นายนิรุฒ มณีพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย และเลขานุการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ 4. นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการด้านโลจิสติกส์ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จํากัด
หนุน 2 คนในนั่งเก้าอี้
อย่างไรก็ตาม ในการสรรหาครั้งนี้ สหภาพฯ ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานบอร์ดการรถไฟฯ เพื่อแสดงเจตจำนงในการสนับสนุนให้มีการคัดเลือก “คนใน” มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าคนใหม่ เพื่อให้สามารถเริ่มทำงานได้ทันที ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่
เนื่องจากคนในทั้ง 2 คน มีความรู้ความสามารถ เข้าใจการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรถไฟฯ ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่และเกี่ยวโยงกับงานหลายด้าน ทั้งงานบริหาร งานโครงสร้างพื้นฐาน งานระบบราง งานพัฒนาทรัพย์สิน ฯลฯ และยังต้องปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงาน สังคม และชุมชนจำนวนมาก
ขณะเดียวกันการรถไฟฯ ก็อยู่ระหว่างผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ที่จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2565 และโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่จะแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเปิดให้บริการ รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งต้องเดินหน้าต่อ ผู้ว่าคนใหม่จึงควรเริ่มทำงานได้ทันที เพื่อผลักดันและต่อยอดโครงการสำคัญต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล
“เราต้องการคนภายใน เพราะเห็นว่ารัฐบาลทุ่มเงินพัฒนาระบบรางไปเป็นจำนวนมาก ถ้าหากได้คนในก็เริ่มทำงานและพัฒนาต่อไปได้ทันที ไม่ต้องรอ แต่ถ้าได้คนนอกก็คงไม่ได้เข้าใจหรือเชี่ยวชาญเท่า ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาเรียนรู้อีก 1-2 ปี ส่งผลให้การทำงานหรือตัดสินใจช้า ไม่ทันสถานการณ์” นายสาวิทย์กล่าว
ไม่กีดกันคนนอก
อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ มิได้มีเจตนาในการกีดกันบุคลากรจากภายนอก เพราะแต่ละคนมีความรู้มีความสามารถของตนในแต่ละด้าน และสุดท้ายหากคณะกรรมการคัดเลือกฯ สรรหาบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าคนใหม่ ทางสหภาพฯ ก็ไม่มีปัญหา เพราะสิ่งใดที่ให้การรถไฟฯ เจริญได้ก็เป็นเรื่องที่ดี
ทั้งนี้ สหภาพฯ ก็หวังว่าการสรรหาผู้ว่าคนใหม่จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ประกาศใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก็จะทราบผลการคัดเลือกผู้ว่าคนใหม่ เพื่อมาผลักดันงานต่างๆ ได้ต่อไป