ชาวสวนปาล์ม ส่งสัญญาณใกล้ถึงฤดูปาล์มล้น พร้อมให้ระวังปั่นราคาปาล์มสูงเกินจริง กดดันนำเข้า “สนธิรัตน์” เตรียมมาตรการติดมิเตอร์ถังบี 100 ตรวจสอบเรียลไทม์
วันนี้ (13 ม.ค. ) กลุ่มสมาพันธ์ปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และสมาคมปาล์มน้ำมันจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สระบุรี สกลนคร ปทุมธานี ตรัง กระบี่ กว่า 20 คน ได้เข้าพบ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทั้งนี้ชาวสวนปาล์ม มาขอบคุณ ที่ราคาปาล์มสูงขึ้น ประกาศราคาล่าสุด ในวันที่ 13 มกราคม โดยกระทรวงพาณิชย์ ปาล์มทะลาย อยู่ที่ 6.40-7.60 บาทต่อกก. ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่ 42-44 บาทต่อกก. พร้อมกับแจ้งข้อกังวลเรื่องการนำเข้า CPO และ เรื่องฤดูกาลช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน ที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดมาก
นายชโยดม สุวรรณรัตนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ตัวแทนสมาพันธ์สวนปาล์มภาคใต้ กล่าวว่า นอกจากมาขอบคุณรัฐมนตรีสนธิรัตน์ ที่ผลักดันให้ดีเซล B10 เป็นเกรดมาตรฐานแล้ว ยังมาส่งสัญญาณให้ทราบว่า ขณะนี้จะเริ่มใกล้สู่ฤดูกาลที่ปาล์มจะล้นตลาดแล้ว ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน รวมถึงกังวลเรื่องการปั่นราคาปาล์มสูงเกินจริง ของกลุ่มนายทุน กดดันให้มีการเปิดนำเข้า จึงอยากให้ทางการเตรียมมาตรการรองรับ โดยต้องไม่เปิดให้มีการนำเข้าเหมือนที่ผ่านมา เพราะจะส่งผลให้ราคาในประเทศตกลงทันที และต้องวางแนวทางสกัดการลักลอบนำเข้าด้วย นอกจากนี้ตัวแทนเกษตกรชาวสวนปาล์ม ยังต้องการแก้ปัญหาราคาปาล์มที่เหลื่อมล้ำกันในแต่ละพื้นที่ดัวย
โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับกลไกที่มีอยู่ของทางกระทรวงพลังงาน เชื่อมั่นว่าจะรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันได้ ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่คงต้องทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และต้องทำงานร่วมกับพี่น้องเกษตรกร รวมทั้งกลไกด้านผู้ค้าด้วย ในส่วนของไบโอดีเซล (B100) ได้เตรียมการรองรับไว้ระดับหนึ่งแล้ว
โดยเร็วๆนี้จะติดตั้งมิเตอร์ในถัง B100 เพื่อติดตามตรวจสอบแบบเรียลไทม์ และเชื่อมโยงบูรณาการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ที่เตรียมติดมิเตอร์ในส่วนของ CPO อีกด้วย ทั้งนี้อนาคตมีความเป็นไปได้ ที่จะมีตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยอาจจะนำสต็อก B100 มาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อช่วยลดผลกระทบเรื่องฤดูกาล และช่วยบริหารสต็อก รวมถึงรักษาเสถียรภาพราคาได้ระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตนเองมีข้อกังวล เกี่ยวกับการบริหารจัดการสต็อกปาล์มในอนาคต ที่อาจมีผลต่อราคาตลาด ส่วนแผนในระยะยาวของตนเองนั้น ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีคุณภาพ และมีชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน ขอให้มั่นใจว่าจะมีอีกหลายมาตรการที่จะดำเนินการต่อเนื่อง ยกระดับราคาให้สูงขึ้นไปอีก
ทั้งนี้การแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน ไม่ได้หวังผลเรื่องราคาปาล์มน้ำมันอย่างเดียว แต่ต้องการยกระดับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยขอให้ตัดผลปาล์มดิบที่มีคุณภาพ และเมื่อราคาปาล์มสูง ก็ไม่ต้องการให้เกษตรกรที่ปลูกพืชอื่นๆ เช่น ยางพารา หันมาปลูกกันมากขึ้นมากกว่า 5 ล้านไร่ที่มีในปัจจุบัน เพราะกลไกที่กำลังดำเนินการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อรองรับผลผลิตที่มีในปัจจุบัน
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ตัวแทนเกษตรกรสวนปาล์มได้มาขอบคุณด้วย ที่ผลักดันนโยบายน้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ ซึ่งในเดือนมีนาคม 2563 นี้ จะสามารถจำหน่าย B10 ได้ทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ขณะนี้ยอดการใช้ B10 ถือว่าเติบโตเร็วมาก เป็นเพราะความเชื่อมั่นนโยบายที่กำหนดไว้ จะไม่เปลี่ยนสัดส่วนของ B10 ไม่ว่าสต็อกของปาล์มจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทำให้ตลาดเกิดความเชื่อมั่นทั้งค่ายรถยนต์ และผู้ประกอบการโรงกลั่น
“การแก้ปัญหาปาล์มของตนเกิดขึ้นได้ เพราะมีประสบการณ์ต่อเนื่อง ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำให้ได้เห็นช่องทางแก้ปัญหา โดยผลักดันการใช้ดีเซล B10 ส่งผลให้ราคาปาล์มสูงขึ้นทันที ”
