วันนี้ (12 ม.ค.) เฟซบุ๊กเพจ “Peace News” โพสต์ข้อความว่า “จตุพร” ลั่นสถานการณ์บ้านเมืองสร้าง”ธนาธร” เป็นผู้นำ ให้ทำหน้าที่เต็มที่ เผยตัวเองผ่านสนามรบมามากจึงขอเป็น”ผู้ตาม” ไม่เน้นสะใจ-ไม่ผลีผลาม เปรยช่วงนี้เป็นคนเกาะติดสถานการณ์ บอกไม่ใช่ไม่คิดทำอะไร เผยรู้จะทำอะไร แบบไหน อย่างไร เวลาใด ชี้วิ่งไล่ลุงกับเดินเชียร์เพิ่งออกสตาร์ท ยังมีกระบวนการเผชิญหน้าอีก หวั่นถูกผสมโรงยั่วยุยิ่งทำให้เลวร้ายขึ้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ระหว่างร่วมกิจกรรม “ลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์” โดยเชื่อว่า การจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” กับ “เดินเชียร์ลุง” ยังไม่ยุติลง และกิจกรรมดังกล่าวจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก ดังนั้น กิจกรรมวิ่งไล่ลุงกับฝ่ายเดินเชียร์ลุงเพิ่งออกสตาร์ทเท่านั้น
วันนี้วิ่งไล่ลุงกับฝ่ายเดินเชียร์ลุงจบลงเพียงยกแรก แม้ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน แต่ไม่ได้หมายว่าทุกอย่างจะยุติไปด้วย เพราะยังมีกระบวนการตามมาอีก โดยวิ่งไล่ลุงจะจัดต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนเดินเชียร์ลุงประกาศไปจัดกิจกรรมประกบด้วยเช่นกัน
“ที่สำคัญคือ วันหนึ่งถูกบีบให้มาเผชิญหน้า และปล่อยให้ปลุกระดมต่อต้านคนชังชาติอยู่ เชื่อว่า ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะคนไทยเดือดร้อนทางเศรษฐกิจแสนสาหัส ย่อมหนีไม่พ้น ต้องไปร่วมมือกับนายธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่)”
นายจตุพร ยกตัวอย่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า นปช.จัดชุมนุมทางการเมืองได้รับความชอบธรรมจากประชาชนมาตลอด กระทั่งมาถูกพวกผสมโรงเข้าแทรกแซง การชุมนุมจึงถูกปราบแล้วประชาชนตายจำนวนมาก ดังนั้น การชุมนุมควรรอบคอบ แม้ยก 1 – 4 ยังไม่มีอะไรน่าหวั่นไหว เมื่อขึ้นยก 5 ถูกแทรกแซงแล้ว ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ดีนัก เรามีประสบการณ์ผ่านสนามรบมา จึงส่งเสียงเตือนสติกัน
พร้อมกับย้ำว่า วันนี้ ต้องยกบทบาทผู้นำให้นายธนาธร ส่วนตนอยู่ในฝ่ายเสนอแนะ เตือน ให้สติ ด้วยการยืนอยู่ในบทบาทนักวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นสิ่งใดสำคัญ ผิดปกติ จึงเตือนกัน ซึ่งไม่ได้บอกให้กลัว จะทำตามหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา
“อยากบอกพี่น้องให้รู้ว่า การยืนแบบนี้ของผม ไม่ใช่ว่าไม่คิดทำอะไร แต่ผมรู้ว่าควรทำอะไร แบบไหน อย่างไร และในเวลาใด เราอยู่ในสนามรบมานานจึงไม่ผลีผลาม และไม่ได้กลัว แต่รู้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นจริงอย่างไร ผมไม่ต้องการเป็นผู้นำเสมอไป ในบางสถานการณ์เราสามารถเป็นผู้ตามได้ด้วย แล้วยกให้คนในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น รับผิดชอบเป็นผู้นำให้เต็มที่”
นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ต้องการเป็นแบบพวกกองเชียร์ เมื่อดนตรีโหมโรงก็ออกไปเต้นเต็มที่ ตนผ่านสัจธรรมทางการเมืองมามาก ผ่านสนามรบ ผ่านความตาย และคนที่ตายคือประชาชน ไม่ใช่ตัวเรา จึงต้องคิดให้ละเอียดทุกเรื่องราว และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำทุกเวลา
อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน จะเกิดขึ้นหลังตรุษจีนนั้น หากฝ่ายค้านทำการบ้านมาดี จะทำให้กระแสการเมืองเข้มข้นตามลำดับ บวกกับกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงที่สุดในเรื่องแก้ไขเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องประชาชนที่มาผสมกับภัยแล้ง โดยเสนอแนะฝ่ายค้านว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ควรเอาเรื่องที่ใช่ และใช้คนพูดน้อย เรื่องที่ใช่ควรเป็นเรื่องการทุจริต โกงบ้านเมือง แล้วเอาคนที่ทำการบ้านดี เก่ง ประกอบกับมีหลักฐานเด่นชัด มาพูดให้ตรงเป้า จึงจะทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรม และไล่รัฐบาลได้ เมื่อมีเสียงประชาชนเดือดร้อนกับปัญหาเศรษฐกิจมาร่วมผสมด้วย รัฐบาลก็คงอยู่ไม่ได้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังย้ำถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 จึงจะมีโอกาสสำเร็จกว่า เพราะการแก้ ม. 256 เพื่อให้เกิดสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากการเลือกของประชาชนเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเท่ากับโยนให้ประชาชนทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนขึ้นมาเอง โดยไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2
- มาตรฐานอยู่ไหน! ชาวเน็ตข้องใจ ‘วิ่งไล่ลุง- เดินเชียร์ลุง’ งานไหนเหมือนม็อบการเมืองมากกว่า
- ประมวลภาพ ‘วิ่งไล่ลุง’ นักการเมืองแห่ร่วมงานเพียบ
- คนมาเต็ม ‘วิ่งไล่ลุง’ เริ่ม 7 โมงเช้า ‘ธนาธร’ ไม่พลาด