Digital Economy

จีนดึง AI สแกนใบหน้านักเดินทางในสนามบินแห่งใหม่

ท่าอากาศยานแห่งใหม่ของกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มว่าจะนำเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าของสตาร์ทอัพสัท้องถิ่นมาปรับใช้ เพื่อรับมือกับผู้โดยสารมากกว่า 100 ล้านคนต่อปี

 

new airport china
สนามบินใหม่ของกรุงปักกิ่งที่มีรายงานว่าอาจเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ภาพจากเอเอฟพี)

ท่าอากาศยานดังกล่าวก่อสร้างขึ้นด้วยงบประมาณถึง 12,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่ง ไกลออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร เพื่อหวังว่าจะช่วยลดความคับคั่งของท่าอากาศยานเดิมที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถรองรับผู้เดินทางจากเมืองที่อยู่รายรอบเช่น เหอเป่ย ให้ไม่ต้องเดินทางเข้ามาในกรุงปักกิ่งด้วย

จีนตั้งเป้าไว้ว่า ท่าอากาศยานแห่งใหม่นี้ จะรองรับผู้โดยสารมากกว่า 100 ล้านคนต่อปี จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีสแกนใบหน้ามาปรับใช้เพื่อจับคู่ใบหน้ากับข้อมูลส่วนบุคคลในฐานข้อมูลของรัฐบาล รวมถึงยังสามารถจับคู่บุคคลกับกระเป๋าเดินทางได้ด้วย ซึ่งคาดว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งเอาไว้ตามที่ต่าง ๆ ในสนามบินลงได้

บริษัทที่เตรียมตัวจะเข้ายื่นประมูลครั้งนี้ประกอบด้วย Yitu และคู่แข่งอย่าง SenseTime Group ที่มีเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเหมือนกัน แต่เทคโนโลยีของ SenseTime นั้น รายงานจาก South China Morning Post ระบุว่า มีการทดสอบในท่าอากาศยานปักกิ่งแล้วในบางพื้นที่

ปัจจุบัน SenseTime สามารถระดมทุนได้แล้วทั้งสิ้น 1.6 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงเป็นผู้พัฒนาระบบไอทีให้กับสนามบินเฉิงตู และไห่โข่วด้วย ส่วนสถานีรถไฟฟ้าก็มีการใช้งานเทคโนโลยีของ SenseTime มากกว่า 30 สถานีทั่วประเทศ ในการจับคู่ใบหน้ากับตั๋วโดยสารรถไฟ  ช่วยลดความเครียดของพนักงานตรวจตั๋วลงได้ และทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น

ส่วน Yitu นั้น เป็นเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์มาก่อน โดยมีการจับมือกับโรงพยาบาลในเฉิงตูเพื่อใช้ AI มาช่วยให้แพทย์ทำงานได้เร็วขึ้น รวมถึงมาตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ เพื่อขยายตลาดเทคโนโลยีของตนเองในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

สำหรับกำหนดเปิดสนามบินอย่างเป็นทางการนั้น คาดว่าจะเป็นปี 2562 นี้

 

Avatar photo