สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติเมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) อนุมัตการจำกัดความสามารถของประธานาธิบดี ในการใช้กำลังทหารต่ออิหร่าน โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ
ในการออกเสียงญัตตินี้ ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติ 224 ต่อ 194 เห็นชอบให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยมีส.ส.จากพรรครีพับลิกัน 3 ราย ที่ออกเสียงสนับสนุนฝั่งเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่างด้วย แต่ขณะเดียวกันก็มี ส.ส.ฝั่งเดโมแครตเอง ที่ออกเสียงคัดค้านเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี มาตรการนี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จน้อย เพราะต้องส่งต่อไปให้วุฒิสภาอนุมัติก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ และสภาสูงของสหรัฐ ก็มีฝั่งรีพับลิกัน ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครองเสียงข้างมากอยูู่
มาตรการที่ผ่านสภาล่างมานั้น รวมถึง การระงับอำนาจประธานาธิบดี ในการสั่งการให้ใช้กำลังทหารต่ออิหร่าน จนกว่าจะได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน ยกเว้นในกรณีจำเป็น ที่ต้องป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธ ที่คืบคลานเข้ามาใกล้
ในข้อเสนอการลงมติดังกล่าวนั้น สภาได้อ้างถึงกฎหมายอำนาจสงคราม ฉบับปี 2516 ที่เปิดทางให้คองเกรสมีความสามารถในการตรวจสอบการใช้อำนาจของประธานาธิบดี ในเรื่องความขัดแย้งที่มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาล่าง จากเดโมแครต กล่าวว่า เธอไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำให้สหรัฐปลอดภัยมากขึ้น หลังจากปฏิบัติการสังหารพล.อ.กัสเซ็ม โซเลมานี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่าน
ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป ได้ทวีตข้อความแสดงความหวังว่า สมาชิกรีพับลิกันในสภาล่างทุกคน จะออกเสียงคัดค้านมติดังกล่าวของ “เครซี แนนซี”
