Digital Economy

ซีดีจีย้ำ 5 เมกะเทรนด์เปลี่ยนประเทศไทย

cdg
นายนาถ ลิ่วเจริญ

กลุ่มบริษัทซีดีจี ฉลองครบรอบ 50 ปี ประกาศนำจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญหนุนภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี เปิดเผยว่า “ปัจจุบันสังคมโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี (Technology disruption) รวมถึงการเกิดเมกะเทรนด์ (Mega trends) ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของประชาชน”

โดยซีดีจีมองเห็น 5 เมกะเทรนด์ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกและโลกธุรกิจ ได้แก่

1. The Future of Smart การที่ระบบสั่งการอัตโนมัติ หรือ ระบบ AI เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีความสามารถมากกว่าหรือเท่ากับศักยภาพของมนุษย์ จนสามารถเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ เช่น AI สามารถเรียนรู้ คิด วิเคราะห์ รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ โดยในหลายอุตสาหกรรมเริ่มมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น อาทิ วงการโลจิสติกส์ การแพทย์ การบริการ การธนาคาร อีคอมเมิร์ซ ตัวอย่างเช่น การติดตามอาการคนไข้โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ วิเคราะห์ผล พร้อมคาดการณ์อาการโรคได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ในระยะเวลาอันสั้น

2. Behavioral Revolution การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของปัจเจกบุคคล ในปัจจุบันมีการติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทางช่องทางออนไลน์ เพื่อนำมาปรับใช้ในการให้บริการได้ตรงตามความต้องการของบุคคลในแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังนำพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวทางสังคม เช่นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมในคนรุ่นใหม่ เป็นต้น

3. Empowered Citizen ประชาชนมีบทบาทสำคัญ ต้องกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคมและประชาชนทันสมัย (Smart citizen) ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างแถบประเทศยุโรป ที่เปิดให้ประชาชนได้มีส่วนรวมในการเสนอข้อกฎหมายหรือข้อบังคับใช้ต่างๆ โดยการทำผ่านระบบออนไลน์ ข้อมูลเปิดเผยและประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา

4. Urban World เมืองเล็ก ๆ จะได้รับการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองที่มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล เมืองในอนาคตจะถูกสร้างบนสาธารณูปโภคอัจฉริยะ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี มีความสะดวก และปลอดภัยสูง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่นการปรับรูปแบบเมืองให้เป็น Smart City ในหลายประเทศ

5. Resourceful Planet การใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานทดแทน ด้วยเทคโนโลยีอย่าง IoT และ Machine Learning เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เช่น การติดตั้งแผงโซลาเซลล์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก โดยเปิดให้ผู้อยู่อาศัยเลือกที่จะติดตั้งแผงโซลาเซลล์ เพื่อการใช้งานภายในครัวเรือน และหากเหลือจากการใช้งานแล้วยังสามารถขายพลังงานทางเลือกนี้ให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย

“การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่ภาคเอกชน จะต้องเผชิญ และต้องเร่งปรับเปลี่ยนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญและมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ จึงได้เดินหน้านำนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อขับเคลื่อน และสร้างศักยภาพของประเทศให้สามารถแข็งขันได้ในสังคมโลก” นายนาถกล่าวทิ้งท้าย

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight