“สมคิด” มอบ 3 โจทย์ใหญ่กฟผ.เร่งลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าสายส่ง ช่วงเงินบาทแข็งค่า-ขยายลงทุน CLMV -ดูแลผู้มีรายได้น้อยใช้ไฟฟ้าราคาถูก หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพประชาชนฐานราก
วันนี้ (9 ม.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่สำนักงานใหญ่กฟผ.บางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดยกล่าวว่า ในปีนี้มีเป้าหมายให้ กฟผ.เร่งลงทุนโครงการ ทั้งโรงไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการนำเข้าสินค้าในช่วงเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ด้วย โดยเฉพาะการลงทุนที่จะช่วยเศรษฐกิจชุมชน
โดยขณะนี้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นรัฐวิสาหกิจ จะต้องเข้ามาช่วยให้เกิดการลงทุนในช่วงนี้ก่อน
ขณะเดียวกัน กฟผ.ควรใช้โอกาสนี้เข้าไปรุกตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว ,เมียนมาร์ และเวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีความต้องการสินค้าและไฟฟ้ามาก จึงเป็นโอกาสของ กฟผ. ที่จะเข้าไปลงทุน
รวมทั้งได้มอบหมายให้ กฟผ.พิจารณาอัตราค่าไฟฟ้า สำหรับผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)ให้แตกต่างจากอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป เพื่อช่วยเหลือคนไทยกลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้น ซึ่ง กฟผ.มีโครงการธุรกิจไฟฟ้าที่เข้มแข็งสามารถช่วยเหลือกลุ่มประชาชนดังกล่าวได้ รวมทั้งเชื่อว่า กฟผ.จะพยายามรักษาระดับราคาค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับปัจจุบันได้ และไม่จำเป็นต้องปรับขึ้น เพื่อดูแลไม่ให้ประชาชนเดือนร้อน
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เสริมว่า ได้เร่งรัดแผนลงทุน 5 ปีของ กฟผ. ซึ่งในปี 2563 กฟผ.มีแผนลงทุนโครงการหลายหมื่นล้านบาท จึงได้หารือกับกฟผ.ว่าสามารถใช้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนี้ ให้เกิดประโยชน์ต่อการลงทุนได้อย่างไร พร้อมกันนี้ยังให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)เร่งแผนลงทุนเช่นกัน โดยจะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กฟผ.และ ปตท.ในวันที่ 10 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ภายหลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มอบนโยบาย กฟผ.หาแนวทาง ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยใช้ค่าไฟถูกลง กระทรวงจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดต่อไปว่าจะใช้แนวทางใดบ้าง
อย่างไรก็ตามปัจจุบันรัฐยังคงนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยมีหลักเกณฑ์การใช้ไฟฟ้าฟรีของครัวเรือน ที่ใช้ไฟไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยเตรียมพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และ SME เบื้องต้นอาจเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกลง และแยกจากอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านต้นทุนค่าไฟฟ้า อาจใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นฐาน สำหรับระบุว่าใครเป็นผู้มีรายได้น้อย
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการกฟผ.ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้ กฟผ.จะเร่งลงทุนโครงการ ตามแผนเดิมอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการระบบสายส่ง ซึ่งภายหลังจาก รับมอบนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ต้องการให้ กฟผ. เร่งลงทุนโครงการให้เร็วขึ้น กฟผ.จะมาดูว่าโครงการที่ลงทุนในปี 2564 ที่มีวงเงินลงทุน 40,000 ล้านบาทว่า โครงการใดสามารถเลื่อนมาลงทุนในปีนี้ได้บ้าง
อาทิ ระบบสายส่ง โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ จะเร่งรัดจัดซื้อได้อย่างไรในช่วงบาทแข็งค่า ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า 8 โรงตามแผนพีดีพี 2018 วงเงิน ลงทุนรวม 3 แสนล้านบาท ที่จะเสนอ ครม.ในเร็วๆนี้ จะเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป และทยอยผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2568-2572
