ราชานักธุรกิจด้านแฟชั่นของญี่ปุ่น “ยูซากุ มาเอะซาวะ” แจกเงิน 9 ล้านดอลลาร์ ให้กับบรรดาผู้ที่กดติดตามเขาในทวิตเตอร์ การกระทำที่มหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์รายนี้บอกว่าเป็นการ “ทดลองทางสังคม” เพื่อดูว่าการให้เงินเช่นนี้ จะทำให้ผู้ที่ได้รับเงินมีความสุขเพิ่มขึ้นหรือไม่
มาเอะซาวะ จะแจกเงินให้กับผู้ติดตามเขา 1,000 คน จำนวนคนละ 1 ล้านเยน หรือประมาณ 280,000 บาทโดยใช้วิธีสุ่มเลือกจากคนที่รีทวีตข้อความที่เขาโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา โดยจะติดตามผลจากการได้รับเงิน ผ่านการสำรวจความเห็นอย่างสม่ำเสมอ
“เรื่องนี้เป็นการทดลองทางสังคมอย่างจริงจัง” มาเอะซาวะ ระบุไว้ในคลิปวีดิโอ ที่เผยแพร่ทางยูทูบ พร้อมแสดงความหวังว่า งานนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ได้
ครั้งนี้ ยังเป็นการแจกเงินครั้งที่ 2 ของเขา ที่มีมูลค่ามากกว่าเดิม หลังจากเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เขาเพิ่งคว้าเงินมาได้มากถึง 900 ล้านดอลลาร์ จากการขาย “โซโซ อิงค์” ธุรกิจแฟชั่นออนไลน์ของเขา ให้กับซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของญี่ปุ่น
การแจกเงินครั้งแรกของเขา เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2562 โดยเขาบอกว่า จะแจกเงิน 100 ล้านเยน ให้กับผู้ติดตามเขาบนทวิตเตอร์ 100 คน โดยสุ่มจากผู้ที่รีทวีตข้อความนี้ของเขา เพื่อฉลองที่แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของเขาทำยอดขายได้ถึง 10 ล้านเยนในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งการแจกเงินครั้งแรกนี้ ยังทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิติมีผู้รีทวีตข้อความมากสุดในโลกที่ 5.6 ล้านครั้ง
มาเอะซาวะ ซึ่งเป็นว่าที่ผู้โดยสารเอกชนคนแรก ที่จะเดินทางไปโคจรรอบดวงจันทร์ กับบริษัทสเปซเอ็กซ์ ของอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา เป็นบุคคลที่รู้จักกันดี ถึงการใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับงานศิลปะ และรถสปอร์ตส์ แต่ก็ชอบมีแนวคิดที่แหวกแนวออกมาเป็นช่วงๆ
ก่อนหน้านี้ เขาพยายามที่จะขายแนวคิดเกี่ยวกับรายได้พื้นฐาน หรือแนวคิดที่จะกำหนดระยะเวลาการแจกเงินให้กับประชาชนทุกคนแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งมีนักการเมืองบางคน ก็สนใจในเรื่องนี้ด้วย
แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องรายได้พื้นฐานดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากความกังวลว่า เทคโนโลยี อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) จะทำให้ตำแหน่งงานของคนหายไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในปัจจุบัน ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากตกอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างมาก
มาเอะซาวะ บอกว่า เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีเงิน และมีเวลาว่างที่จะจ่ายเงิน เขาก็เลยรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องพยายาม และสร้างแรงบันดาลใจ ให้เกิดการหารือครั้งใหญ่ เกี่ยวกับข้อดีของทฤษฎีนี้ในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มาเอะซาวะ มีผู้กดติดตามในทวิตเตอร์อยู่เกือบ 7 ล้านคน และยูทูบก็เป็นช่องทางออนไลน์ล่าสุดที่เขานำเข้ามาใช้ นำเสนอคลิปวีดิโอหลากหลายรูปแบบ รวมถึง การเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว การไปย้อมผมที่ร้านทำผม และอัพเดทข้อมูลบัญชีธนาคารของตัวเอง
