Economics

GC ไม่หวั่นเหตุตึงเครียด เดินหน้าลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐตามแผน

GC ไม่หวั่นตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน เดินหน้าลงทุน “ปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์” ในสหรัฐ ตามแผนเดิม เตรียมเคาะรายละเอียดโครงการแน่นอน ไตรมาส 2 ปีนี้  

คงกระพัน

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านว่า ยังคงเดินหน้าศึกษาแผนการลงทุนโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ผลิตเอทิลีน 1.5 ล้านตันต่อปี ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อไป ร่วมกับพันธมิตร บริษัท Dealim Industrial ของเกาหลีใต้ แม้จะมีเหตุการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้นก็ตาม เพราะโครงการนี้ได้ผ่านการศึกษามานาน โดยจะสรุปการลงทุนได้แน่นอน ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ และเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบอะไร แม้โครงการนี้จะเดินหน้าก่อสร้าง เพราะหลังเราสรุปการลงทุนก็ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอีก 5 ปี ซึ่งเหตุการณ์คงจะคลี่คลายไปแล้ว

ขณะที่ซื้อกิจการ (M&A) เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ในสหรัฐ ก็ยังคงเป็นไปตามแผนเช่นเดิม แม้จะมีการขู่ของอิหร่านจะโจมตีในจุดต่างๆของสหรัฐก็ตาม เพราะมีหลายโครงการและหลายพื้นที่ให้เราเลือก แต่จะไม่มีการเร่งรัด หรือชะลอลง แม้จะมีปัจจัยจากเงินบาทแข็งค่าเป็ํนปัจจัยบวกก็ตาม ต้องใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจ เพราะแต่ละโครงการใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

ส่วนโครงการในประเทศ ยังเดินหน้าตามแผนเช่นกัน  ทั้งโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide) โครงการโพลีออลส์ (Polyols) ทั้ง 3 โครงการแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนโครงการผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษได้แก่ PA9T 13,000 ตันต่อปี และHSBC 16,000 ตันต่อปี แล้วเสร็จในปี 2565 รวมไปถึงโครงการพลาสติกรีไซเคิล ที่จังหวัดระยอง เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกหมุนเวียนคุณภาพสูง ชนิด rPET 30,000 ตันต่อปี และ rHDPE 15,000 ตันต่อปี ผลิตได้ในปี 2564

ดร.คงกระพัน ย้ำว่า ปัจจัยด้านการเมืองในพื้นที่ตะวันออกกลาง GC ได้มีการติดตาม และเตรียมความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีค่อนข้างผันผวนตลอดมา ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก โดย GC เตรียมความพร้อมภายในทำองค์กรให้มีความคล่องตัว และบริหารความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม GC ไม่ได้ซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง แต่ซื้อในทวีปอื่นๆ เช่น อเมริกา แอฟริกา เพราะคุณภาพเหมาะกับโรงกลั่นของเรามากกว่า

” ส่วนเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ กับอิหร่านนั้น จะส่งผลให้ระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในระดับใดนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ทีเดียว เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น ต้องตามดูสถานการณ์ไปก่อน “ดร.คงกระพัน ระบุ

สำหรับผลประกอบการในปี 2563 ยังคงตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 15% เทียบกับปี 2562 เนื่องจากคาดว่า กำลังการผลิตรวม จะเพิ่มขึ้นราว 10% เนื่องจากราคาน้ำมัน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อราคาวัตถุดิบ และราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะกำไร (Margin) ของผลิตภัณฑ์กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนอะโรเมติกส์ ดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่โอเลฟินส์ยังอยู่ในระดับทรงตัว แต่คาดว่าปีนี้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เพราะเชื่อว่า ปี 2562 สถานการณ์ราคาปรับลดลงมาต่ำที่สุดแล้ว นอกจากนี้ในปี 2563 ยังไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนกับปี 2562 จึงเป็นปัจจัยหนึ่งช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้ดีขึ้น

 

Avatar photo