ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้าวันนี้ (8 ม.ค.) หลังจากอิหร่านปฏิบัติการโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐโจมตีทางอากาศสังหารพล.อ.กัสเซ็ม โซเลมานี ผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ความขัดแย้งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้่น และอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เคลื่อนไหวล่าสุดพุ่งขึ้น 2.3% หรือ 1.56 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังก่อนหน้านี้ ทะยานไปถึง 71.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2562
ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐ ทะยานขึ้นมา 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ที่ 63.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงมาเล็กน้อยจากระดับ 65.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว
กองทัพอิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่า 12 ลูก โจมตีฐานทัพที่กองกำลังสหรัฐประจำการอยู่ในอิรัก อย่างน้อย 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้เรื่องนี้จะค่อนข้างรุนแรงมาก แต่ราคาน้ำมันอาจจะไม่ทะยานสูงขึ้นมากกว่านี้เท่าไรนัก เนื่องจากความตึงเครียดในตลาดอาจบรรเทาลง ตราบเท่าที่สาธารณูปโภคด้านน้ำมันในภูมิภาคยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการโจมตี
ความกังวลจากเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ยังกดดันให้ตลาดหุ้นเอเชีย ดิ่งลงอย่างหนัก โดยดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดร่วงลง 461.08 จุด หรือ 1.96% มาอยู่ที่ 23,114.64 ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ลดลง 127.34 จุด หรือ 0.45% ที่ 28,194.72 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ขยับลงมา 13.98 จุด หรือ 0.45% ที่ 3,090.82 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ลบ 22.43 จุด หรือ 0.69% ที่ 3,225.43 จุด
นักลงทุนยังพากันหนีสินทรัพย์เสี่ยง เข้าไปยังตลาดทองคำ หนุนให้ราคาทองคำช่วงเช้านี้พุ่งอีก 1.80% มาอยู่ที่ 1,602.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์
