จากกรณีที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ บุกยิงรถยนต์ เล็กซัส สีขาว ทะเบียน 9กจ351 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เหตุเกิดขึ้นบริเวณลานจอดรถบริษัท สุรวงศ์ สาริกา จำกัด เลขที่ 37 ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก เมื่อค่ำวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
หลายคนคงมีข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือจัดฉากขึ้นมา เป็นคำถามที่หลายคนยังเคลือบแคลงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตลอดทั้งวันที่ 7 มกราคม 2563 ทำให้เรื่องนี้ถูกวิพากวิจารณ์ในวงกว้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของจริงของปลอม ที่สำคัญปมเรื่องนี้มาจากฉนวนอะไรกันแน่
กระทั่งวานนี้ (7ม.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) และอดีต ผบช.สตม. ก็ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนัก พร้อมกับระบุว่าหากมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากเพื่อพาดพิงไปถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอท้าว่าหากตำรวจจับคนที่ก่อเหตุได้จะรู้ทันทีว่ายิงทำไม และใครเป็นผู้บงการ ยืนยันว่าไม่ได้มีการจัดฉาก
แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งเมื่อพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า “รถของผมที่ถูกยิงน่าจะมาจากประเด็นเดียว คือ ผู้สูญเสียผลประโยชน์ในโครงการไบโอเมทริกซ์ หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าของ สตม. ซึ่ง สมัยที่เป็นผบช.สตม.ได้ทำการยกเลิกไป และเป็นประเด็นอยู่ทุกวันนี้ เนื่องจากไม่ได้ประสิทธิภาพ และไม่เป็นไปตามข้อกำหนดการจัดซื้อจัดจ้าง(ทีโออาร์)” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว พร้อมกับย้ำว่า ส่วนที่มองว่าเป็นการข่มขู่เพื่อไม่ให้ไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช.นั้น ยืนยันว่าไม่มีผลแน่นอน
สำหรับ โครงการไบโอเมทริกซ์ มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ในสมัย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.ขณะนั้น ต่อเนื่องเรื่อยมายังสมัย พล.ต.ท.สุทธพงษ์ วงษ์ปิ่น ต่อเนื่องมาสมัย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.
สมัย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ดำรงตำแหน่งผบช.สตม. ได้เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาแนวทางแก้ไข หลังพบปัญหาความไม่เสถียรของเทคโนโลยีดังกล่าว อีกทั้งพบว่าการตรวจรับงานมีความล่าช้าไม่ตรงตามสัญญาที่ระบุ และได้ทำเรื่องเสนอ ผบ.ตร. เพื่อให้พิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการ โดยให้เหตุผลถึงความล่าช้าของการส่งมอบงานและการเชื่อมต่อระบบที่ไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งโครงการมีงบลงทุนรวม 6 พันล้านบาท
เมื่อไล่เรียงแล้วพบว่า โครงการดังกล่าวมีสัญญาการส่งมอบงานอยู่ 6 งวด ส่วนใหญ่ดูเหมือนส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดอยู่
ประเด็นปัญหาเริ่มจากเมื่อเดือนตุลาคม 2560 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้
กระทั่ง 7 พฤศจิกายน 2560 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม มีหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้พิจารณาใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการ
เพราะตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม ระบุไว้ชัดเจนว่าในกรณีมีเหตุบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่สัญญา ว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบหรือทำงานให้ได้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
ไม่จบแค่นี้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2562 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ทำการตรวจสอบโครงการไบโอแมทริกซ์
เมื่อมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ผบ.ตร. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 331/2562 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ปรากฎข่าวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคมยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ทำการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของตร. โครงการไบโอแมทริกซ์ ทันทีเช่นกัน
ดูเหมือนเรื่องนี้ทางป.ป.ช.ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ข้อมูลแล้วหลายราย และเร็วๆนี้คาดว่าจะมีการเชิญผู้ใหญ่ ในสตช. เข้าให้ข้อมูล รวมทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เรียกงวดเข้ามาทุกขณะกับการสอบสวน
โครงการนี้ใช้งบหลายพันล้านบาท ขณะที่การดำเนินการที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด แถมเป็น โครงการมหากาพย์ ที่คนในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีการพูดถึงกันมาก รวมไปถึงผู้ใช้บริการ
และนี่คือปมความขัดแย้งที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ถึงกับระบุว่า “รถของผมที่ถูกยิงน่าจะมาจากประเด็นเดียว คือ ผู้สูญเสียผลประโยชน์ในโครงการไบโอเมทริกซ์” ใช่หรือไม่
โดยวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะเข้าให้ปากคำที่สน.บางรัก ถึงเหตุการณ์ที่ถูกมือปืนยิ่งถล่ม จะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
แต่ยังมีข่าวเล็ดลอกออกมาทำนอง กำลังจะมีเฟส 2 เกิดขึ้นจริงเท็จอย่างไรเรื่องนี้อาจต้องถามไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ข่าวจริง ข่าวปล่อยเพื่อผลทางการค้าก็ต้องตรวจสอบกัน แต่ที่สำคัญหากจะมีโครงการจัดซื้อหรือดำเนินการอะไรต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะทุกบาททุกสตางค์มันคือภาษีประชาชน!!