Business

‘กูรูทิสโก้’ ชี้น้ำมันมีสิทธิ์ทะลุ 70 ดอลลาร์ ปมตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน

กูรูทิสโก้ชี้ เหตุการณ์สหรัฐ- อิรัก ไม่รุนแรงจนลามเป็นสงครามโลก หลังประเทศมหาอำนาจอย่างจีน-รัสเซีย ยังนิ่งเฉย มองราคาน้ำมันอยู่ที่ที่ 60-65 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล กรณีเลวร้ายมีโอกาสทะลุ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาหุ้นพลังงานเริ่มชนแนวต้าน แนะขายทำกำไร

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้  กล่าวในรายการ “LIVE with Guru”  เจาะลึกกับผู้รู้เรื่องการลงทุนในเพจเฟซบุ๊ก TISCO Advisory ว่า สำหรับมุมมองต่อเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านนั้น ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะลุกลาม เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซีย ยังคงนิ่งเฉย ยังไม่แสดงเจตนารมย์อย่างเป็นทางการต่อเรื่องดังกล่าว

สหรัฐ อิหร่าน

นอกจากนี้ ทั้งจีนและรัสเซียยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่เติบโตอย่างอ่อนแอ จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่ทั้งสองประเทศจะออกมามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม มีโอกาสสูงที่อิหร่านจะออกมาตอบโต้สหรัฐ เพื่อปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่คงไม่รุนแรงจนเป็นเหตุให้สหรัฐ ต้องกลับเข้ามาโจมตีเป็นครั้งที่สอง ในกรณีที่มีการตอบโต้จากอิหร่านนั้น ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ซึ่งเป้าหมายของการโจมตีสหรัฐ จากอิหร่านคาดว่าน่าจะเป็นฐานทัพสหรัฐ ที่ตั้งอยู่ในอิรัก ซึ่งอิรักถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับที่ 2 ในกลุ่มโอเปค โดยผลิตน้ำมันประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กระทบต่อแหล่งผลิตน้ำมันในอิรัก ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวพุ่งขึ้นได้

กรณีต่อมา ยังมีโอกาสที่อิหร่านอาจ ใช้เรือรบไปปิดเส้นทางการขนส่งน้ำมันที่ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นช่องแคบที่ใช้ขนส่งน้ำมันมากถึง 20% ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ในแต่ละวันของโลก หากเกิดกรณีนี้ขึ้นจริง อาจเป็นชนวนนำไปสู่การเกิดสงครามขึ้นได้

thumbnail คุณคมศร.1

กรณีสุดท้ายคือ อาจเกิดการโจมตีซาอุดิอาระเบียอีกครั้งและทำให้แหล่งผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบ หลังจากครั้งก่อนหน้าเคยเข้าไปโจมตีหนึ่งครั้งจนทำให้ปริมาณน้ำมันหายออกไปจากระบบประมาณ 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

“ประเมินค่อนข้างยากว่าทั้งสามกรณีจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ตราบใดที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ก็น่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันคงตัวอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ
60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หากเกิดเหตุการณ์สู้รบในระดับรุนแรงอาจเห็นราคาทะลุไป 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวม  โดยเฉพาะในส่วนของการอุปโภคบริโภคซึ่งปัจจุบันเป็นเครื่องยนต์หลัก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรณีที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นรุนแรงอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น” นายคมศร กล่าว

หากไม่นับรวมเหตุการณ์ข้างต้นแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องการเมืองของประเทศต่างๆ เช่น การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ การเลือกตั้งสหรัฐ ดังนั้นสินทรัพย์ที่แนะนำในช่วงนี้จึง แนะนำให้ลงทุนทองคำเป็นหลัก แต่เนื่องจากในช่วงนี้ราคาปรับขึ้นมากอาจจะรอจังหวะเข้าซื้อ สำหรับผู้ที่ซื้อทองคำมาตั้งแต่ปีที่แล้วยังแนะนำให้ถือเพื่อลงทุนต่อ

ส่วนการลงทุนในหุ้นแนะนำกลุ่มเฮลธ์แคร์ แม้ว่าในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากการหาเสียงของผู้เข้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บ้าง แต่ในระยะยาวยังเติบโตดีจากเมกะเทรนด์ของโลกที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  ยังแนะนำลงทุนในทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีอัตราการจ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจ

มนชัย K Monchai1
มนชัย มกรานุรักษ์

นายมนชัย มกรานุรักษ์ หัวหน้าสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประเมินว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะส่งผล กระทบในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทย และยังเชื่อว่าในระยะกลาง และระยะยาว หุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องหลังจากปีที่แล้ว หุ้นไทยปรับตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวคือ หุ้นกลุ่มขนส่งที่มีต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน ที่ปรับเพิ่มขึ้น กรณีที่เหตุการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อไปยังหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค

“สำหรับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นรับข่าวไปมากแล้ว แต่ก็ยังสามารถเข้าลงทุนได้โดยควรจับตาอย่างใกล้ชิดมากกว่าปกติ เนื่องจากปัจจุบันในเชิงเทคนิคราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมาจนใกล้แนวต้านสำคัญที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้ว กรณีที่มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะทะลุแนวต้านได้ ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานหลายตัวปัจจุบันราคาเริ่มชนแนวต้านทางเทคนิคไปแล้ว ดังนั้นจึงอาจเริ่มพิจารณาขายทำกำไรออกมาบ้าง  หุ้นน้ำมันที่แนะนำในช่วงนี้คือ PTTEP ราคาน่าจะไปได้ดีต่อจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และผลประกอบการหลักเองก็น่าจะเติบโตได้ดี” นายมนชัย กล่าว

สำหรับธีมการลงทุนในปีนี้ บล.ทิสโก้ย้ำให้นักลงทุนเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นจัดพอร์ตด้วยหุ้นปันผลเป็นหลัก สำหรับหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลที่น่าสนใจ คือ AP, INTUCH, KKP และ VNT

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight