The Bangkok Insight

สนพ.ย้ำความมั่นใจ รัฐดูแลน้ำมันดีเซล ต้องไม่เกิน 30 บาท/ลิตร 

สนพ.ประเมิน ปี 63 การใช้พลังงานขั้นต้น ขยายตัว 1.8% ตาม GDP  ไฟฟ้าโต 2.6% เกาะติดเหตุตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน ทบทวนคาดการณ์ใหม่ ย้ำความมั่นใจ รัฐดูแลน้ำมันดีเซล ต้องไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร 

17858

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวถึงแนวโน้มการใช้พลังงานปี 2563 ว่าได้มีการพยากรณ์ โดยอ้างอิงสมมุติฐานด้านเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง มาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน และการประเมินของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ที่ประกาศว่า ในปี 2563 จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2.7 – 3.7%

ปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลให้การใช้พลังงานขั้นต้นในปี 2563 เพิ่มขึ้น 1.8% น้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2% ก๊าซธรรมชาติ 1% ถ่านหินและลิกไนต์ 1.4% พลังงานทดแทน 3.9%  ไฟฟ้านำเข้า 7.3% เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำของสปป.ลาว เข้าระบบจำนวน 3 โรง 

ขณะที่การใช้พลังงานไฟฟ้าของ ปี 2563 เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ การส่งออกที่คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้น ตามมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และมาตรการการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการลงทุนภายใต้โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP)

ทั้งนี้สภาพัฒน์ และปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 57-67 ดอลลาร์ และ 55-65 ดอลลาร์ ส่วนทบวงพลังงานระหว่างประเทศ และโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์  60.1 และ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ทั้งนี้เราต้องมีการประเมินใหม่เป็นระยะ จากเหตุการณ์ใหม่ๆที่มากระทบ

refinery 514010 640 1

โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มขึ้นถึง 6% จากเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 จาก 65.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็น 69.6 ดอลลาร์ ในวันที่ 6 มกราคม 2563 ซึ่ง สนพ. จะคอยติดตามและประเมินสถานการณ์ผลกระทบ จากเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด โดยจะมีการหารือในคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในวันที่ 10 มกราคมนี้

ทั้งนี้การนำเงินกองทุนฯเข้าไปดูแลราคาน้ำมันต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ 2 เรื่องหลัก คือ ราคาน้ำมันขึ้นเกิน 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายใน 1 สัปดาห์ และราคาน้ำมันดีเซล บี 10 ซึ่งเป็นเกรดมาตรฐานต้องเกิน 30 บาทต่อลิตร หากเกินสามารถใช้เงินกองทุนฯเข้าไปดูแลราคา โดยเฉพาะดีเซล ต้องไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตามขณะนี้น้ำมันดิบปรับขึ้นมา 4 ดอลลาร์ และดีเซล บี 10 อยู่ที่ 25.39 บาทต่อลิตร ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กองทุนฯจะเข้าไปดูแล ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในวันที่ 8-9 มกราคมนี้

ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามดูราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ด้วย เพราะเป็นช่วงที่ราคาตลาดโลกเริ่มปรับขึ้น จาก 334 ดอลลาร์ต่อตันเป็น 530 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ต้องใช้เงินกองทุนฯในการอุดหนุนเพิ่มขึ้น ณ วันที่ 5 มกราคมใช้เงินรวม 5,140 ล้านบาท

messageImage 1578378052611

ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดลดลง 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2562 ถึง 10 มกราคม 2563 นั้น จนถึง7 มกราคม 2563 ยังคงอัตราการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามที่ได้มีมติข้างต้น

ส่วนการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกของสถานีน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนของราคาหน้าโรงกลั่น มิใช่การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ โดยหากไม่มีลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ มาช่วยพยุงราคาไว้ จะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นลิตรละ 1 บาทจากราคาขายในปัจจุบัน

ยกตัวอย่างเทียบราคาน้ำมันสถานีบริการน้ำมันวันนี้  หากกระทรวงพลังงาน ไม่ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1 บาทต่อลิตร สำหรับแก๊สโซฮอล์ 95 ก็จะเพิ่มเป็น 27.45 บาทต่อลิตร หรือแก๊สโซฮอล E20 เป็น 24.44 บาทต่อลิตร

” กระทรวงพลังงาน จึงขอชี้แจงประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อเรื่องนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงนี้ เป็นเรื่องของกลไกตลาด ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 1 บาทต่อลิตร ราคาก็จะสูงขึ้นอีก 1 บาทจากราคาปัจจุบัน ณ สถานีบริการ “

Avatar photo