Marketing Trends

ค้าปลีกหลั่งไหลสู่ ‘อินเดีย’ คว้าโอกาสมหาศาล จีดีพีโต ‘แซง’ ทุกประเทศ

จากการคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2563 โดยเฉพาะจีดีพีในแต่ละประเทศ พบว่า ประเทศอินเดีย กลายเป็นประเทศเนื้อหอมของธุรกิจทั่วโลก ที่จ้องมองโอกาสเข้าไปลงด้วย ด้วยจำนวนประชากรที่สูงถึงกว่า 1,330 ล้านคน เป็นรองเพียงจีนที่มีประชากรราว 1,400 ล้านคน

นอกจากนี้ สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยังคาดการณ์ในรายงาน “World Population Prospects” ประจำปี 2562 ว่า ภายในปี 2570 อินเดียจะมีประชากรมากกว่าจีน โดยจะมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นแตะ 1,500 ล้านคน ขณะที่ประเทศจีนจะมีประชากรลดลงเหลือ 1,100 ล้านคน จากอัตราการเกิดใหม่ลดลง และการย้ายถิ่น

Indian shopper
cheerful indian woman shopping in mall

ขณะเดียวกัน อินเดียยังได้ปรับปรุงการทำธุรกิจในประเทศให้ง่ายขึ้นมากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน จากรายงานของธนาคารโลก เรื่อง การประกอบธุรกิจประจำปี 2563 (Doing Business 2020)  ที่มีการจัดอันดับ 190 ประเทศที่ทำธุรกิจได้ง่าย โดยในปี 2562 อินเดียรั้งอันดับ 63  ซึ่งไต่ขึ้นมาถึง 14 อันดับ จากการยกเลิกค่าธรรมเนียม ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขออนุญาตก่อสร้าง และทำให้การค้าง่ายขึ้นด้วยการปรับปรุงท่าเรือและการยื่นเอกสารทางแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ที่สำคัญคือ ในปี 2563 นี้ คาดการณ์ว่า จีดีพี หรือผผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของอินเดีย จะพุ่งสูงถึง 7% จากปี 2562 อยู่ที่ 6.1% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศกลุ่มพัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา โดยเฉพาะการแซงหน้าเวียดนามที่คาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 6.5% ในปี 2563 นี้

อินเดีย

หนึ่งในภาคธุรกิจที่มีการลงทุนอย่างคึกคักในอินเดีย หนีไม่พ้นธุรกิจค้าปลีก ทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศที่มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และบริษัทข้ามชาติที่มองเห็นโอกาสจากตลาดค้าปลีกที่มีมูลค่าสูงถึง 9.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังซื้อจากรายได้ประชากรอยู่ที่ 2,016 ดอลลาร์/คน/ปี

ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกในอินเดีย ยังถูกครอบครองโดยร้านค้าปลีกดั้งเดิม ถึง 88% จากมูลค่าตลาดรวม ขณะที่ค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งได้รับการปลดล็อกให้เข้าไปทำธุรกิจในอินเดียได้ตั้งแต่ปี 2555 มีสัดส่วนอยู่ที่ 9% ที่เหลือเป็นค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์ 3%

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และช่องทางออนไลน์ จะชิงสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ จากสัญญานการขยายการลงทุนของธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวอินเดียที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น เริ่มให้ความสนใจกับการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้น และนิยมสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น มีแบรนด์ และมีคุณภาพดีต่างจากสินค้าท้องถิ่นเพิ่มมกาขึ้น

อเมซอน
An employee of Amazon walks through a turnstile gate inside an Amazon Fulfillment Centre (BLR7) on the outskirts of Bengaluru, India, September 18, 2018. REUTERS/ Abhishek N. Chinnappa

ทั้งนี้เห็นได้จากล่าสุด อเมซอนอินเดีย ได้ทำข้อตกลงทางธุรกิจระยะยาวกับ ฟิวเจอร์ รีเทล เครือข่ายค้าปลีกอันดับสองของอินเดีย เพื่อขยายธุรกิจออนไลน์ผ่านเครือข่ายร้านค้าปลีกของ ฟิวเจอร์ รีเทล ที่มีกว่าประเทศเพื่อขยายยอดขายในประเทศนั้น 1,500 แห่งในกว่า 400 เมืองของอินเดีย ให้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ อเมซอน ได้แก่ แบรนด์ร้านขายของชำ บิ๊ก บาซาร์ (Big Bazaar), อีซี่เดย์ (Easy Day), Nilgiri’s  และ ฟู้ดฮอลล์ (Foodhall) เป็นต้น รวมไปถึงร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น และผลิตภัณฑ์ความงาม

นอกจากนี้ ฟิวเจอร์ รีเทล ยังเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศอินเดีย โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่เมืองมุมไบ และมองว่าเฉพาะในมุมไบ มีศักยภาพที่จะสามารถเปิดร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้กว่า 1,000 แห่ง จึงเน้นการลงทุนในมุมไบเป็นหลักในช่วง 2-3 ปีจากนี้

เซเว่น 1

อีกกลุ่มทุนที่น่าจับตามองคือ มูมูโซ (Mumuso) ร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์จากประเทศจีน ที่จำหน่ายสินค้าสไตล์เกาหลี ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศรวมถึงไทยรวมกว่า 600 สาขา ก็มองโอกาสจะเข้าไปเจาะตลาดจีนเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างการเสาะหาพันธมิตรแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะเปิดสาขาไม่ต่ำกว่า 30 สาขาในอินเดียภายในสองเดือนหลังการเปิดธุรกิจในอินเดีย

มูมูโซ ยังได้วางกลยุทธ์การขยายธุรกิจในอินเดีย ด้วยการตั้งเป้าหมายขยายสาขาทั่วประเทศอินเดีย พร้อมกับการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากการช้อปปิ้งออนไลน์เติบโตอย่างมากในอินเดียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

Mumuso

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมค้าปลีกในประเทศอินเดีย ที่จะกลายเป็นหนึ่งตลาดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทั่วโลกต้องจับตามอง

 

 

Avatar photo