เพื่อน ๆ ทราบหรือไม่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสท้องผูกได้มากขึ้น และแน่นอนเพศหญิง มักมีปัญหานี้มากกว่าผู้ชาย (อ่านแล้ว คิดในใจ ผู้หญิงอีกแล้วหรอ) และปัญหาท้องผูก เป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ รองจากปัญหาโรคแทรกซ้อน ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง ปัญหาท้องผูก เป็นหนึ่งในปัญหากวนใจต่อสุขภาพของทุกเพศ และทุกวัย โดยเน้นที่วัยผู้สูงอายุ จะพบว่า ปัญหาภาวะท้องผูก มีอัตราสูงถึง 80% เลยทีเดียวสำหรับคนทำงานก็มีปัญหาไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในเรื่องการทานอาหาร ปัญหาแวดล้อม ความเครียดในที่ทำงาน แถมยังขาดการออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้ ย่อมกระทบต่อการทำงานของระบบขับถ่ายในร่างกายโดยตรง จนก่อให้เกิด ปัญหาท้องผูก
อาการแบบไหนถึงเรียกว่า “ท้องผูก”
บางท่านเหมารวมเลยว่า ถ้าไม่ได้ขับถ่ายหลาย ๆ วัน นั่นคืออาการท้องผูก แต่จริง ๆ แล้ว มักมีอาการ เช่น ขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งในหนึ่งอาทิตย์, อุจจาระเป็นก้อนแข็งโป๊ก หรือหนักไปกว่านั้นขณะขับถ่าย ต้องใช้แรงเบ่งมาก ! (มากจริง ๆ จนเครียด)
แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่ทำให้ “ถ่ายไม่ออก”
หลายคนอาจนอนใจว่า ปกติเป็นคนถ่ายคล่อง แทบไม่มีปัญหาเลย แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ วันนี้ อาจถ่ายได้คล่อง แต่วันหน้าหล่ะ อาจมีปัญหาก็ได้ วันนี้ ดิฉัน จะพามาดูพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ท้องผูกได้
- เครียด
จัดมาเป็นอันดับแรกเลย จะว่ากันง่าย ๆ ทุกโรคเกิดจากความเครียด แทบทั้งสิ้น ดังนั้นคนที่เผชิญกับความเครียดในการทำงานบ่อย ส่วนใหญ่จะมีปัญหาท้องผูก เป็นของแถม นี่ยังไม่นับ โรคต่าง ๆ ที่จะแห่พาเหรดมา
- กลั้นอุจจาระบ่อย
โห้ ปัญหานี้ ยอมรับเลยว่า เคยเกิดกับดิฉันนี่หล่ะค่ะ เพราะความเร่งรีบตลอดทั้งวัน ทำให้ไม่มีเวลาขับถ่าย โดยจะคิดในใจว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ” แต่พอเสร็จธุระนั้นแล้ว กลับไม่รู้สึกอยากจะขับถ่าย เลยหนักเข้าไปอีก เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายต้องขับถ่าย กลับไม่สามารถทำได้ สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า ไม่ได้ขับถ่ายตลอดทั้งวัน ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
- ดื่มน้ำน้อย
อย่างที่พวกเราเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็ก น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมาก และน้ำยังมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและขับเคลื่อนออกจากลำไส้ได้อย่างง่าย คนทำงาน มักดื่มกาแฟแทนน้ำ ซึ่งกาแฟมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะ ร่างกายจึงเสียน้ำมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ อุจจาระเลยแข็ง ขับถ่ายลำบากมาก ทีนี้ดิฉันจะพามาดู 5วิธี แก้ท้องผูก แบบได้ผล
- ทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว
แน่นอน ข้าวกล้องที่ไม่ได้ผ่านการขัดสี จึงทำให้สารอาหารและคุณประโยชน์อยู่ครบเพียบ ข้าวกล้องมีไฟเบอร์สูง แถมยังมีวิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ข้าวกล้องช่วยในเรื่องขับถ่าย และป้องกันมะเร็งลำไส้อีกด้วย หลายท่าน ที่กำลังต้องการควบคุมน้ำหนัก ข้าวกล้อง ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยได้ดีทีเดียว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
โดยทั่วไป เราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 1-2 ลิตร ผู้สูงอายุมักเลี่ยงไม่ค่อยดื่มน้ำ อาจเป็นได้ด้วยเหตุผลไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย ไปห้องน้ำด้วยตัวเองไม่ได้ จึงคิดเอาเองว่าดื่มน้ำให้น้อยลง ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อร่างกาย ปัญหาท้องผูก หรือการถ่ายลำบาก เป็นสัญญาณบอกว่า ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ นั่นเองถ้าจะเป็นการดี แนะนำให้ปลุกลำไส้ด้วยการดื่มน้ำหลังตื่นนอน เพราะน้ำหนักของน้ำที่สะสมในกระเพาะอาหาร จะถ่วงถุงกระเพาะอาหาร ให้ไปกระตุ้นให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหว
- เน้นทานผักผลไม้
แน่นอน ใยอาหารเป็นตัวช่วยชั้นดีต่อการสร้างและเพิ่มน้ำหนักให้อุจจาระ ดังนั้น เราควรเน้นทานไฟเบอร์ ใยอาหารให้เพิ่มขึ้น เช่น อาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเขียว ถั่วแดง เต้าหู้ งาดำ งาขาว และเน้นผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด ซึ่งอาหารเหล่านี้ เหล่าแต่มีไฟเบอร์และใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย ทำงานได้อย่างปกติ
- ดื่มน้ำลูกพรุน
ลูกพรุน ถือเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ถูกจัดเป็นอันดับต้น ๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามิน เอ วิตามิน อี โพแทสเซียม และมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยระบบย่อยอาหารให้ง่ายขึ้น ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก โดยธรรมชาติ ใครที่มีปัญหาถ่ายยาก น้ำลูกพรุน จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดเลยค่ะ
- ทานเมล็ดแมงลัก
ถือเป็นสูตรสมุนไพรไทย ที่มีคุณสมบัติถือเป็นยาระบาย แบบธรรมชาติ ทำให้อุจจาระอ่อนตัว ช่วยในเรื่องระบายท้อง และเพิ่มกากอุจจาระ วิธีทานก็แสนง่าย โดยใส่เมล็ดแมงลักเพียง 1 ช้อนชาลงในน้ำสะอาดหนึ่งแก้ว แช่จนเมล็ดแมงลักพองตัว ถ้าชอบหวานหน่อย อาจเติมน้ำตาลนิดนึง ดื่มก่อนมื้ออาหารครึ่งชั่วโมง และดื่มน้ำตาม สามารถแก้ปัญหาท้องผูกได้
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ท้องผูกเป็นประจำ สามารถเลือกทำได้ตามด้านบนเลยนะคะ ดิฉัน เชื่อว่าปัญหาท้องผูกจะไม่มาเยือนอีกเลยค่ะ
“คินน์ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและยั่งยืน”
www.kinn.co.th