Business

รุนแรงสุด! กรมชลฯชี้ ‘ลุ่มเจ้าพระยา’ ปีหน้าวิกฤติแล้งหนักรอบ 60 ปี

กรมชลฯชี้วิกฤติแล้งลุ่มเจ้าพระยารุนแรงสุดรอบ 60 ปี เตือนรับมือปริมาณน้ำเจ้าพระต่ำกว่าระดับ 13.33 ม.รกท. เร่งระบายน้ำ 4 เขื่อนหลัก ดันน้ำเข้าคลองสาขา แก้น้ำเค็มรุกประปา  

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด โดย 4 เขื่อนใหญ่ (เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ) ได้จัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้ง (1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย.63 ) เป็นน้ำใช้การได้ 4,044 ล้าน ลบ.ม. ใช้ไปแล้ว 1,044 ล้าน ลบ.ม. เท่ากับต้องใช้น้ำเกินแผนจัดสรรน้ำ 200 ล้าน ลบ.ม. หรือ 4% จึงได้เพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก จากแผนเดิมวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. เป็น 28.88 ล้าน ลบ.ม.ในระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2563 เพื่อผลิตประปา รักษาระบบนิเวศตลอดลำน้ำ

ตั้งแต่หน้าเขื่อนเจ้าพระยา ผลักดันน้ำทะเล จนถึงอ่าวไทย เนื่องจากขณะนี้ค่าความเค็มที่สถานีสูบน้ำสำแล จังหวัดปทุมธานี มีระดับ 0.28 กรัมต่อลิตร ท่าน้ำนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 4.73 กรัมต่อลิตร ท่าน้ำกรมชลประทานกรุงเทพ 6.06 กรัมต่อลิตร สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 จุด โดยต้องคุมค่าความเค็มให้ไม่เกิน 0.25 กรัมต่อลิตร สำหรับผลิตประปาและการเกษตร 2 กรัม

ทองเปลว1

“ต้องรักษาระดับน้ำที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ไม่ให้ต่ำกว่า 13.33 ม.รทก. (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) โดยระบายผ่านเขื่อน 85 ลบ.ม.ต่อวินาที  ที่ผ่านมาการปล่อยน้ำตามแผนพบว่ามีน้ำหายระหว่างทาง จากระบบมีสถานีสูบน้ำเพื่อการเกษตร ขอให้หยุดสูบตั้งแต่ จัหวัดกำแพงเพชร ลงมาจนถึง เขื่อนเจ้าพระยา  หากไม่หยุดจะทำให้มีปริมาณน้ำในลำน้ำน้อยลงมาก ส่งผลรักษานิเวศทุกลำน้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา กระทบการผลักดันน้ำเค็ม หากระดับน้ำหน้าเขื่อนต่ำกว่า 13.2 ม.รทก. จะเป็นผลทำให้มีปัญหาต่อการดันน้ำเข้าระบบชลประทานคลองสาขาทั้งฝั่งซ้าย ขวา ของแม่น้ำเจ้าพระยา กระทบระบบนิเวศทุกคลอง กระทบการผลิตประปาทั้งท้องถิ่นภูมิภาค และประปานครหลวง

ดังนั้นจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อน เพื่อให้มีปริมาณในการผลักดันน้ำเค็มไม่ให้เข้าระบบสถานสูบน้ำประปาสำแล จังหวัดปทุมธานี ขณะนี้ยังน่าห่วงเพราะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูงถึงวันที่ 15 มกราคม 2563  ต้องปล่อยระบายน้ำดันน้ำเค็ม ที่บางช่วงน้ำทะเลหนุนสูง  ปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคุมการใช้น้ำอย่างเข้มงวดไม่ได้เท่ากับปี 2558 ที่มีรัฐบาล คสช. สามารถคุมน้ำไม่หายไว้ได้หลายร้อยล้าน ลบ.ม. ปีนี้มีปัญหาน้ำหายกลางทาง เพราะพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังกว่า 1.3 ล้านไร่ แม้ได้ประกาศล่วงหน้าไม่ส่งน้ำให้ทำเกษตร คาดว่าชาวนาจะหยุดปลูกแล้วจาการลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจ

ทั้งนี้ ยังได้ผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาช่วยตลอดฤดูแล้งนี้ มาเสริมลุ่มเจ้าพระยา ผ่านคลองพระยาบรรลือ มาช่วยดันน้ำเค็ม ได้เพิ่มติดตั้งเครื่องสูบน้ำคลองจระเข้สามพัน เดิมวันละ 25 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาที ในการรักษานิเวศ ตลอดลำน้ำ เพิ่มจาก 800 ล้าน ลบ.ม. เป็น 2,000 ล้าน ลบ.ม.ในพื้นที่เจ้าพระลาตอนล่าง ป้องกันความเค็ม และมีน้ำดิบเพียงพอป้อนระบบประปากรุงเทพ และปริมณฑล

นายทองเปลว กล่าวว่าช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาประเทศไทยมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำต่างๆ รวมถึงน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งมีปริมาณลดน้อยลง เช่นเดียวกับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับลดลงต่อเนื่อง  กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าปีหน้าฝนจะตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 60 ปี  ปีนึ้ตกต่ำประมาณ 16% โดยปี 2563 จะแล้งรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 จากปี 2522 และปี 2558  

“หากคุมการใช้น้ำภาคเกษตรไม่ได้ ปล่อยระบายน้ำหายกลางทางและกรมอุตุฯ คาดอีก 7 เดือน ฝนต่ำกว่าเฉลี่ย ผลการส่งน้ำ ยังไม่คุมเข้ม จะใช้น้ำมากกว่าแผน แนวโน้อย่างนี้ปีหน้าความแห้งแล้งทวีความรุนแรงเกิดขึ้นกระจายทั่วประเทศ นายกฯ และรมว.เกษตรฯ  ให้ทุกกรมในกระทรวงเกษตรฯทำงานเชิงบูรณาการป้องกันปัญหาภัยแล้งโดยเร่งด่วน  ขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ท้องที่ ช่วยคุมการใช้ทุกระดับ ตำบล หมู่บ้าน “

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight