สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เดินหน้าขับเคลื่อนแผนพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด (Smart Grid) เร่งเครื่องพัฒนาประสิทธิภาพระบบไฟฟ้า ที่ตอบสนองการทำงานด้านการใช้ไฟฟ้าที่ชาญฉลาด มีความสามารถมากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรที่น้อยลง พร้อมรับมือยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่าน
นายเพทาย หมุดธรรม รองผู้อำนวยการสนพ. กระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “สมาร์ทกริด ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” ที่จังหวัดปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้ว่า งานสัมมนานี้ดำเนินการมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้รับทราบถึงแนวทางพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือสมาร์ทกริด ที่เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาทั้งด้านการใช้ และการผลิตไฟฟ้าในยุคใหม่ ที่มีรูปแบบใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบในอนาคต
สมาร์ทกริดจะเป็นระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างชาญฉลาด มีความสามารถมากขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัย มีความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สนพ. ได้ดำเนินการศึกษาและติดตามความก้าวหน้า รวมทั้งทิศทางการพัฒนาระบบสมาร์ทกริดของโลกตั้งแต่ปี 2554 และได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. 2558 – 2579 พร้อมจัดทำแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทยขึ้น
ปัจจุบันกรอบเวลาในการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดอยู่ในช่วงที่ 2 ของแผนแม่บทฯ พ.ศ.2560 – 2564 ซึ่งเป็นช่วงแผนระยะสั้น ในการพัฒนาโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมทางเทคนิค และความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละเทคโนโลยี โดยแผนแม่บทฯ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะเตรียมการ (พ.ศ. 2558 – 2559) ระยะสั้น (พ.ศ. 2560 – 2564) ระยะปานกลาง (พ.ศ. 2565 – 2574) และระยะยาว (พ.ศ. 2575 – 2579) เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มั่นคงและเพียงพอ
นายเพทาย บอกด้วยว่า การพัฒนาระบบสมาร์ท กริด นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้านไฟฟ้าให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการประยุกต์ใช้งานต่างๆ แล้วนั้น ในระยะยาว เมื่อสภาพเศรษฐกิจ และสังคม เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนา และปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าเดิมให้เป็นระบบสมาร์ทกริด ยังเพิ่มโอกาสต่อยอดด้านต่างๆ ของไทยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ด้านธุรกิจและการลงทุน รวมถึงพัฒนาด้านวิทยาการความรู้ทางเทคโนโลยีด้วย
ขณะที่ ดร.ฐิติพร สังข์เพชร หัวหน้ากองวางแผนพัฒนาระบบไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ฝ่ายแผนการผลิตไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า สมาร์ทกริดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และกำลังการผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น แต่ราคาถูกลง
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งขายในระบบได้ด้วย โดย กฟผ. จะทำให้โรงไฟฟ้ามีความยืดหยุ่น และทันสมัยมากขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ยกระดับให้โรงไฟฟ้า และพยายามเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยกไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าของอาเซียนในอนาคต
ทั้งนี้ กฟผ. มีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนแผนสมาร์ทกริด เพื่อเพิ่มคุณภาพไฟฟ้า และสร้างความมีส่วนร่วมของผู้ใช้ไฟฟ้า
ทางด้าน นายทรงวุฒิ ขันดี ผู้อำนวยการฝ่ายการวางแผนระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า ทุกคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการใช้พลังงานในส่วนของตัวเองผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ ( Smart Device) รวมถึง การตอบสนองด้านโหลด และระบบบริหารพลังงาน เช่น โครงการศึกษาแนวทางการดำเนินธุรกิจผู้รวบรวมโหลด และจัดการโหลด และโครงการพัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นอกเหนือจากระบบไมโคร กริด และระบบกักเก็บพลังงาน
ระบบสมาร์ทกริดจะทำให้ทุกคนได้ใช้ไฟที่ดีขึ้น รองรับการใช้ไฟที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีธุรกิจที่รวบรวมการลดใช้พลังงานเกิดขึ้นในอนาคต ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในเร็วๆ นี้ อยากให้ทุกคนไปศึกษาเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในมุมมองของตัวเอง ซึ่งนายทรงวุฒิย้ำว่า สมาร์ทกริดเป็นเรื่องใกล้ตัว และมีประโยชน์มาก ๆ
ทั้งนี้ สนพ. ได้เดินหน้าจัดให้ความรู้สร้างความเข้าใจเรื่อง “สมาร์ทกริด” ผ่านกิจกรรมสัมมนา “สมาร์ท กริด ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” ในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากจังหวัดปทุมธานีแล้ว มีกำหนดการจะจัดขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และขอนแก่น เป็นลำดับต่อไป เพื่อให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้รับทราบนโยบาย แผนงาน และทิศทางการดำเนินงานของระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต