กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม “วินกรุ๊ป” ประกาศถอนตัวออกจากการทำธุรกิจค้าปลีก เพื่อสงวนทรัพยากรไว้สำหรับธุรกิจด้านอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี รวมถึง การผลิตรถยนต์ และสมาร์ทโฟน
วินกรุ๊ป แถลงเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะนำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ “Adayroi.com” ไปรวมกิจการกับ “วินไอดี” ซึ่งเป็นผู้จัดหาบริการด้านฟินเทค และการทำการตลาดดิจิทัล ทั้งจะปิดกิจการ “วินโปร” เชนร้านจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ื ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินกระบวนการเหล่านี้ให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
นายเหวียน เวียด ก่วง ซีอีโอวินกรุ๊ป ระบุว่า การควบรวมกิจการระหว่าง Adayroi.com กับวินไอดีนั้น ไม่เพียงจะทำให้ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมเป็นดิจิทัลมากขึ้น แต่ยังสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ที่มีลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางด้วย
การเคลื่อนไหวนี้ ยังเกิดขึ้นหลังช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ วินกรุ๊ป ที่มีธุรกิจในเครือไล่ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ ดูแลสุขภาพ และโรงแรม ไปจนถึง การศึกษา และการผลิตการ์ตูน เพิ่งดำเนินการโอนกิจการ “วินมาร์ทพลัส” เชนร้านสะดวกซื้อ “วินมาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต” เชนซูเปอร์มาร์เก็ต และ “วินอีโค” ธุรกิจการเกษตรไปให้กับ “มาซัน” ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเวียดนาม
นายกว่าง ซีอีโอวินกรุ๊ป ระบุว่า มาตรการเหล่านี้เป็นขั้นตอนแรกของ “นโยบายรัดเข็มขัด” ที่จะดำเนินการปรับโครงการสร้าง หรือทิ้งหน่วยงานในเครือที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท
ทางด้านแหล่งข่าวในวินโปร เชนร้านจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะถูกปิดกิจการลงไปนั้น กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การทำธุรกิจของวินกรุ๊ป ที่กำลังทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดไปยัง “วินฟาสต์ ” บริษัทผลิตรถยนต์ และ “วินสมาร์ท” ธุรกิจมือถือ
วินฟาสต์ เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 ผลิตรถยนต์ และสกูตเตอร์ไฟฟ้า โดยบริษัทเพิ่งเริ่มจัดส่งรถยนต์ให้กับลูกค้าในต้นปีนี้ ส่วนวินสมาร์ท ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เพื่อผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่มีคุณภาพระดับโลก ทั้งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)เข้ามาใช้ พร้อมเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดบนแพลตฟอร์มอินเทอร์ ออฟ ธิงส์ (ไอโอที)