พรรคเพื่อไทยจัดเสวนา “กรุงเทพไม่ปลอดภัยใครช่วยได้” ชี้ยาเสพติดระบาด ส่งออนไลน์ เดลิเวอรี่ แถมผู้ค้าแข่งดัมพ์ราคายาบ้า จับตา กัญชา-กัญชงเสรี เข้าสภาฯ สัปดาห์หน้า
จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานเสวนา “กรุงเทพไม่ปลอดภัยใครช่วยได้” จัดโดยพรรคเพื่อไทยว่า ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมหลายเหตุการณ์ในกทม. กล้องวงจรปิดเห็นหมดแต่จับคนร้ายไม่ได้ รวมถึงปัญหาหนักคือ ยาเสพติดแพร่ระบาด จนทำให้ราคายาบ้าที่เคยขายที่หลักร้อยบาท เหลือเพียงเม็ดละ 20 บาท
นอกจากยาบ้าแล้ว ยังมีเรื่องของกระท่อมและกัญชา ซึ่งต้องจับตาในสัปดาห์หน้า ที่ “กัญชา-กัญชงเสรี” ถูกบรรจุเป็นวาระแรกเพื่อพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
เกรียงไกล จุ่มเจริญ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กทม. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ดอนเมือง พบว่า คนพื้นที่บอกว่ายาเสพติดไม่มีแล้ว ขายไปหมดแล้ว แต่ สำนักอนามัย กรุงเทพ ทั้ง 68 ศูนย์ รายงานเข้ามาตลอดถึงการติดต่อขอรับบริการบำบัดยาเสพติดจากกลุ่มเยาวชน พ่อแม่ คนวัยทำงาน และนักศึกษา
ทั้งนี้ สะท้อนว่า ปัจจุบันสถานการณ์ยาเสพติดรุนแรงควบคู่มากับความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ ผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษายังวนเวียนกลับเข้ามาบำบัดซ้ำ กทม.ยังเป็นแหล่งพักเก็บและแพร่กระจาย เด็กและเยาวชนเข้าใจว่าใช้ยาเพื่อความสนุกสนาน แนะนำกันในโลกโซเซียล
“ในชุมชนคลองเตย เด็ก ป.6 หรือม.1 รู้จักการใช้ยาเสพติดมากกกว่า 1 ชนิด คนในวัยทำงานที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ได้เข้าไปทำงานในโรงงานเพื่อทำงาน แต่เข้าไปเปิดตลาดหาลูกค้า และมีพฤติกรรมเคลื่อนย้ายไปหาลูกค้าใหม่ในโรงงานอื่นๆ “คลองเตย”เป็นโรงเรียนยาเสพติด ภาครัฐทำอะไรอยู่”เกรียงไกรกล่าว
ด้าน จันทร์เพ็ญ จิตรีวิวัฒน์ ผู้อำนายการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ราคายาเสพติดลดลง แต่ไม่ใช่เพราะดีมานด์ยาเสพติดล้น โดยข้อมูลจากการจับกุมพบว่าคนเริ่มเบื่อยาบ้า นักค้าจึงยอมขายตัดราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้า
ส่วนสถานการณ์ด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ พบว่าศูนย์บำบัดยาเสพติดแบบสมัครใจของ ป.ป.ส.กทม. เปิดรับผู้เสพเข้าบำบัดรักษาฟรี ครอสละ 12 วัน แต่คนเข้าสู่ระบบน้อยมาก พ่อแม่บางรายต้มน้ำกระท่อมให้ลูกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปยืนเสพข้างคลองเสี่ยงกับการถูกตำรวจจับ หรือพ่อแม่บางรายรอจนบุตรหลานมีอาการทางจิตประสาท อาละวาด ทำร้ายคนในครอบครัว จึงโทรแจ้งให้ป.ป.ส. ยาเสพติดจึงเป็นปัญหาต่อยอดจากปัญหาพื้นฐานสังคม
นอกจากนี้ วิวัฒนาการการสื่อสารและการขนส่งแบบเดลิเวอร์รี่่ ยังมีส่วนทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนเกิดการขายยาเสพติดในโซเซียล สั่งซื้อขายออนไลน์ ส่งยาเสพติดผ่านไปรษณีย์เอกชน กทม.จึงเป็นทั้งจุดพักยาและกระจายส่งขายต่างจังหวัด บางจุดใช้เด็กเดินยาเพราะไม่มีใครสังเกต
ดังนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาดำเนินการกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ละเลย ปกปิดข้อมูลบุตรหลานติดยา ไม่แจ้งเบาะแสข้อมูลหรือไม่นำตัวเยาวชนในความปกครองเข้ารับการบำบัดรักษา หรือในกรณีพบเห็นโพสต์ซื้อขายยาเสพติดในช่องทางโซเซียลมีเดีย กระทรวงดิจิทัล สามารถสั่งปิดในทันทีได้หรือไม่
“พื้นที่สีแดงอย่างคลองเตย นักค้าในบริเวณชุมชนลดลง แต่พบว่ามีคนนอกพื้นที่นำยาเข้าไปขาย ขายเสร็จก็ออกมา กทม.โซนตะวันออกเป็นพื้นที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะกระท่อม เด็กๆรู้จักกระท่อมผสมยาแก้ไอจนเกือบจะเป็นวิถีชีวิต ขณะที่ผู้นำชุมชนไม่กล้าให้เบาะแสทั้งที่ ป.ป.ส.มีช่องทางเปิดรับเบาะแสข้อมูลและมีชั้นความลับปกปิดตัวผู้ให้เบาะแส แต่คนในชุมชนก็ไม่ให้ความร่วมมือ รอจนผู้เสพมีอาการทางจิต” จันทร์เพ็ญกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ท.วรภัทร์ สุขไทย รองผกก.สอบสวน สน.บางซื่อ ยกกรณีศึกษา “แผนเข้ายึดพื้นที่” ปราบปรามจนทำให้ บางซื่อยาเสพติดลดลง โดยการสืบสวนว่าใครเป็นคนเดินยา ใครปล่อยของ ใครเป็นรายใหญ่ เมื่อจับรายใหญ่ได้ นักค้าจะหายไปจากพื้นที่ แต่ประเด็นสำคัญคือเจ้าของพื้นที่ก็ต้องมีส่วนร่วม เป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแส ไม่ใช่ว่าตำรวจปราบยาบ้าหมดไปจากพื้นที่แล้ว กระท่อมเข้ามาระบาดแทน ตอนนี้เด็กอายุ 13-14 ปี ต้มน้ำกระท่อมเสพ ผู้ปกครองจึงต้องช่วยดูแลบุตรหลานไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย
ประเด็นสำคัญคือ กล้องวงจรปิด ในบางจุดยังเสีย และอุปกรณ์ของกทม.ที่จัดซื้อและติดตั้งมานาน เป็นเทคโนโลยีเก่า ทำให้เมื่อขยายภาพแล้วภาพแตก มองไม่เห็นใบหน้าคนร้าย จึงอยากขอความร่วมมือไปยังกรุงเทพมหานคร ให้ดำเนินการแก้ไข
