ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หอการค้าไทย เปิดผลสำรวจ 10 ธุรกิจ “รุ่ง-ร่วง” ในปี 2563 พบธุรกิจเช่าหนังสือ-สื่อสิ่งพิมพ์ ส่อแววร่วง ขณะธุรกิจแพลตฟอร์ม ออนไลน์ ฟาสต์ฟู้ด มาแรง
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการวิจัยธุรกิจเด่นและร่วงในปี 2563 ด้วยการพิจารณาจากยอดขาย ต้นทุน ส่วนต่างยอดขายต่อต้นทุน(กำไร) ผลประกอบการปัจจัยเสี่ยงและภาวะการแข่งขัน
10 อันดับธุรกิจร่วงปี 2563
- ธุรกิจเช่าหนังสือ
- ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร
- ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต
- ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร
ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานเยอะ และขายในประเทศ - ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้ (ดั้งเดิม ไม่มีการปรับตัว)
- ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม
- ธุรกิจคนกลาง
- ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ ประเภทฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟต่างๆ
- ธุรกิจดั้งเดิมไม่มีการดีไซน์ และใช้แรงงานมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น
- ธุรกิจสถานศึกษาเอกชน
ธุรกิจร้านถ่ายรูป
นอกจากนี้ ‘ร้านกาแฟและร้านชานมไข่มุก’ ที่มีทำเลที่ตั้งไม่ดี ขนาดเล็ก และไม่มีแฟรนไชส์ ก็ถูกจับตาว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในปีหน้าเช่นกัน เนื่องจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่มีจำนวนคู่แข่งและผู้ประกอบการสูง ส่งผลให้มีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ Over Supply และการตัดราคาในที่สุด
ด้านธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ธุรกิจเครื่องสำอางและอาหารเสริม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำเลไม่ดีก็ถูกจัดให้อยู่ในหมวดธุรกิจที่มีความเสี่ยง ‘ปานกลาง’ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกับร้านกาแฟและร้านชานมไข่มุก ที่สำคัญธุรกิจเหล่านี้ยังมีต้นทุนที่สูง ส่วนอสังหาริมทรัพย์ อาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการบ้านหลังที่ 2 และภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง
10 ธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2563
- ธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางทางด้านอิเล็กทรอนิกส์)
- ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ธุรกิจเทคโนโลยี และเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านโครงข่าย - ธุรกิจเกม ธุรกิจให้พัฒนาแอปพลิเคชัน
- ธุรกิจด้านขนส่งโลจิสติกส์
- ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต
ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม - ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม
ธุรกิจสตรีทฟู้ด - ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ
- ธุรกิจด้านฟินเทต และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี
ธุรกิจพลังงาน - ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน
ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกฎหมาย/บัญชี - ธุรกิจความเชื่อ
ธุรกิจเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยว
ธุรกิจเครื่องสำอางและบำรุงผิว
ปัจจัยสนับสนุนมาจากภาวะเศรษฐกิจปีหน้า ซึ่งคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นมา หลังปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐคลี่คลายลง ส่งผลให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้น ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจะเริ่มกลับมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า คาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีขยายตัว 3.1% จากกรอบจีดีพีอยู่ที่ 2.7-3.6% ส่งออกโต 1.8-3.4% เงินเฟ้อ 2%
ขณะที่การลงทุนและการท่องเที่ยวจะดีขึ้น โดยเฉพาะท่องเที่ยวคาดว่าไม่ต่ำกว่า 41-42 ล้านคน ส่วนค่าเงินบาทในไตรมาสแรกของปี 2563 คาดว่าจะอยู่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ แต่หลังจากครึ่งปีหลังเงินบาทอาจแข็งค่าแตะระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์