ปี 2562 เป็นปีแห่งความปลื้มปิติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จากเรื่องมหามงคลที่เกิดขึ้นเกือบตลอดทั้งปี เป็นเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี
ก่อนหน้าที่จะเริ่มพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น ประชาชนชาวไทยก็ได้ปลาบปลื้มไปกับเรื่องราวมหามงคลเรื่องแรก ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับ พล.อ.หญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ถูกต้องตามกฎหมาย และราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว จึงมีพระราชโองการให้สถาปนา พล.อ.หญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ซึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 นี้ ยังมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายประการคือ การสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ การสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
- พระราชพิธีเบื้องต้น ระหว่างวันที่ 6-23 เมษายน 2562
- พระราชพิธีเบื้องกลาง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งประกอบด้วย การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนการพระราชพิธี และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีขั้นตอนคือ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก, พิธีถวายน้ำอภิเษก ต่อด้วยพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์, การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค และการเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- พระราชพิธีเบื้องปลาย ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารค ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม ปีเดียวกัน
พระราชพิธีเบื้องต้น
เป็นช่วงของพิธีการจัดทำน้ำอภิเษก และน้ำสรงพระมุรธาภิเษก ซึ่งเป็นส่วนพิธีการที่ทุกจังหวัดทั่วไทยมีส่วนร่วมในพระราชพิธีอันสำคัญนี้
- 6 เมษายน พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันทั่วประเทศ
- 8 เมษายน พิธีทำน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด พิธีจัดทำน้ำสรงพระมุรธาภิเษกใน 6 จังหวัด
- 9 เมษายน เวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด
- 10 เมษายน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากแต่ละจังหวัดไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย
- 18 เมษายน ขบวนแห่เชิญน้ำอภิเษกเริ่มเคลื่อนขบวนจากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
- 19 เมษายน ริ้วขบวนแห่เชิญคนโทน้ำอภิเษก จำนวน 86 ใบ จากวัดสุทัศนเทพวรารามฯ ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- 22-23 เมษายน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ จารึกดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร และจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระราชพิธีเบื้องกลาง
4 พฤษภาคม
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในส่วนนี้ รวมถึงขั้นตอนสรงพระมุรธาภิเษก และสรงสหัสธารา ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร เพื่อทรงรับน้ำอภิเษก และน้ำเทพมมนต์ ก่อนที่จะเสด็จฯ ไปประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร เพื่อทรงรับการถวายเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธยว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ตามด้วยเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
จากนั้นมีพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกช่วงบ่าย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามพระบรมวงศานุวงศ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลในนามของประชาชน ทหาร และข้าราชการฝ่ายบริหาร, ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลในนามของรัฐสภา และชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลในนามของข้าราชการตุลาการ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ โดยริ้วขบวนราบใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ปราสาทพระเทพบิดร ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ สดับปกรณ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ในเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเฉลิมพระราชมณเฑียร เถลิงพระแท่นบรรจถรณ์ และประทับแรม ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นเวลาหนึ่งคืน
5 พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระปรมาภิไธยพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้งเฉลิมพระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ เลี้ยงพระ เทศน์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค จากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ โดยเสด็จในริ้วกระบวนด้วย ในฐานะรองผู้บัญชาการ และนายทหารพิเศษประจำหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ตามลำดับ
6 พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท รับการถวายพระพรชัยมงคลจากพสกนิกรชาวไทย นำโดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จากนั้นเสด็จออก ณ ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อให้คณะทูตานุต ผู้แทนฝ่ายกงสุล และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
พระราชพิธีเบื้องปลาย
วันที่ 12 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค จากท่าวาสุกรี ในพระราชวังดุสิต ไปยังท่าราชวรดิฐ ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทางประมาณ 3.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ในพระราชพิธีดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ประดิษฐานเหนือบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ส่วนพระองค์เอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ จะประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สำหรับสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ จะประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดริ้วขบวนราบใหญ่จากท่าวาสุกรีไปยังพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคด้วย