Business

พาณิชย์หวัง ‘สหรัฐ-จีน’ บรรลุข้อตกลงสงครามการค้า ผลดีส่งออกไทย

พาณิชย์เชื่อหลัง “สหรัฐ – จีน” บรรลุข้อตกลง ผ่อนคลายสงครามการค้า  กระตุ้นเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกไทยขยายตัวมากขึ้น  

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และผลเลือกตั้งของสหราชอาณาจักร ว่า ขณะนี้สหรัฐและจีนยืนยันบรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก (Phase-1)  แล้วคืนวันที่ 13 ธันวาคม 2562 (ตามเวลาประเทศไทย) ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม คว้าชัยชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ด้วยคะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสหราชอาณาจักร (UK)

แม้สหรัฐและจีนยังไม่เปิดเผย เนื้อหาข้อตกลงระยะแรกอย่างเป็นทางการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทบทวนทางกฎหมาย และขัดเกลาถ้อยคำก่อนเข้าสู่กระบวนการลงนามต่อไป การยืนยันจากทั้ง 2 ประเทศ จะช่วยให้บรรยากาศทางการค้าดีขึ้น คลายความกังวลว่าสงครามการค้าจะไม่ลุกลามไปถึงการขึ้นภาษีนำเข้าเต็มจำนวน

2981 IMG 4192 1
พิมพ์ชนก วอนขอพร

ทั้งนี้ ปรากฎรายละเอียดข้อตกลงบางส่วน  โดยสหรัฐเสนอว่า 1. ยกเลิกการขึ้นภาษี 160,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ โทรทัศน์ วิทยุ จอคอมพิวเตอร์ และสินค้าอื่นผู้บริโภคอื่น ๆ เช่น นาฬิกา ของเล่น รองเท้าและเครื่องแต่งกาย (กำหนดเดิมวันที่ 15 ธ.ค. 62)

2. ปรับลดภาษีสินค้า 120,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 7.5% (จากเดิม15% และบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 62) และจะยังคงภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์

ขณะที่จีนตกลงในประเด็น 1. การซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากสหรัฐ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ในเวลา 2 ปี โดยจีนเน้นย้ำว่าจะต้องสอดคล้องกับความต้องการตลาดและเป็นไปตามข้อตกลงภายใต้ WTO

2. ลดอุปสรรคทางการค้าภาคการบริการ อาทิ การเงินสาขาการธนาคาร การประกันภัย และหลักทรัพย์

3. แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี และละเว้นการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศเพื่อการครอบครองเทคโนโลยีต่างชาติ

4. ละเว้นการดำเนินนโยบายค่าเงินที่สร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม

พร้อมกันนี้ สหรัฐประกาศเดินหน้าเจรจาข้อตกลงระยะ 2 (Phase-2 Deal) ทันที โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยเนื้อหาของข้อตกลง Phase-1 Deal ประกอบด้วยประเด็นสำคัญเชิงโครงสร้าง และการขยายการค้าระหว่างกัน ได้แก่ ทรัพย์สินทางปัญญา การถ่ายทอดเทคโนโลยี สินค้าเกษตร การบริการทางการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน การขยายการค้า (ครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร สินค้าเกษตรและอาหารทะเล พลังงาน และภาคบริการ) และกลไกการระงับข้อพิพาท (Dispute Resolution)

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเจรจา Phase-1 Deal เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องที่สหรัฐ ผลักดันให้จีนแก้ไข โดยประเมินว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค โดยข้อตกลงระยะแรกจะช่วยลดภาระภาษีนำเข้า แก่ผู้ประกอบการสหรัฐ และช่วยลดแรงกดดันด้านราคาต่อผู้บริโภค รวมถึงการบรรเทาภาวะการส่งออกและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐและจีนขยายตัวดีขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกไทยขยายตัวได้มากขึ้น

นอกจากนี้ คงต้องติดตามข้อตกลงระยะแรกไม่ระบุเงื่อนไขให้จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ ไทยจึงควรเร่งใช้โอกาสทดแทนสินค้าสหรัฐต่อไปในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2562 พบว่าไทยสามารถทดแทนสินค้าสหรัฐในจีนได้ดี โดยจีนนำเข้าจากสหรัฐลดลง 31.9%

ขณะที่นำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น 1.5%  โดยเฉพาะอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง และสิ่งมีชีวิต/ส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต ขณะที่การลดภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐอาจทำให้ไทยได้ประโยชน์ลดลงจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) เนื่องจากสินค้าจีนจะกลับเข้าไปในตลาดสหรัฐมากขึ้น

ทั้งนี้ ไทยควรกระชับมิตรผู้นำเข้าควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดให้มีเสถียรภาพ โดย 3 ไตรมาสแรกปี 2562 สหรัฐนำเข้าจีนลดลง 14% ขณะที่นำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น 2.9% โดยกลุ่มสินค้าส่งออกไทยที่ทดแทนสินค้าจีนได้ดี ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรม อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบ เหล็กและอลูมิเนียม และของใช้ในบ้านและสำนักงาน

000 1N21AP
บอริส จอห์นสัน

ส่วนประเด็นการเลือกตั้งสหราชอาณาจักร (UK) วันที่ 12 ธันวาคม 2562 จากข้อมูลว่าพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน คว้าชัยชนะได้เสียงข้างมาก 364 จาก 650 ที่นั่งในรัฐสภา  การชนะเสียงข้างมากของพรรคอนุรักษ์นิยมสร้างความชอบธรรมในการนำ UK เดินหน้าออกจากสหภาพยุโรป (EU)  คาดว่านายบอริส จอห์นสัน จะเร่งผลักดันร่างกฎหมายการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Withdrawal Agreement Bill) ให้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา UK ได้ก่อนวันที่ 31 มกราคม 2563 (กำหนดวันเบร็กซิท) ทำให้ UK มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) 11 เดือน ถึงสิ้นปี 2563 ที่ 2ฝ่ายจะมีการเจรจาความสัมพันธ์ในอนาคตด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง

โดยด้านเศรษฐกิจอาจเป็นการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA)  จากการประเมินเห็นว่า การเจรจาความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่าง 2 ฝ่าย อาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน  มีโอกาสที่จะขยายเวลา ในร่างกฎหมายการถอนตัวฯ ระบุว่าถ้า 2 ฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันก็สามารถขยายเวลาได้มากที่สุด 2 ปี (จนถึงสิ้นปี 2565)

ทั้งนี้ ในส่วนของความสัมพันธ์ทางการค้ากับไทย สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 20 ของไทย และอันดับที่ 2 จาก EU (รองจากเยอรมนี) มีมูลค่าการค้ามากกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี  กระทรวงพาณิชย์มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและสร้างเครือข่ายธุรกิจกับ UK อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการขายสินค้าไทยบนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาเก็ตออนไลน์ อาทิ Ocado

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight