ผลสำรวจล่าสุดชี้ ภาคค้าปลีกฮ่องกงจ่อเลิกจ้างอย่างน้อย 5,600 ตำแหน่ง และคาดว่าจะมีธุรกิจปิดกิจการ 7,000 ราย ในอีก 6 เดือนข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาอันยากลำบากอย่างหนักของอุตสาหกรรมประเภทนี้ในเขตปกครองพิเศษ
เซียะ เหยา องยี่ ประธานสมาคมบริหารจัดการค้าปลีกแห่งฮ่องกง กล่าวถึง ผลสำรวจล่าสุดของทางสมาคม ที่ดำเนินการสำรวจความเห็นบริษัท 176 แห่ง ที่บริหารร้านค้า 4,310 ร้าน และมีการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนราว 33% ของแรงงานในภาคค้าปลีกท้องถิ่นว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่สุดเป็นประวัติการณ์
“เรายังไม่รู้เลยว่า เมื่อไรสถานการณ์นี้จะร่วงไปจนถึงระดับต่ำสุด เพราะยังไม่แน่นอนเลยว่าสถานการณ์ในฮ่องกงจะกลับมาอยู่ในภาวะปกติเมื่อไร และต่อให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะเสถียรภาพแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ฮ่องกงจะสามารถฟื้นฟูชื่อเสียง และดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมา”
ทั้งนี้ ฮ่องกงต้องเผชิญกับการประท้วงต่อต้านคณะเจ้าหน้าที่บริหาร และรัฐบาลจีนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีวี่แววว่า การประท้วงที่มีสาเหตุเริ่มแรกมาจากการต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่โดนถอนออกไปแล้วนั้น จะยุติลงเมื่อใด ซึ่งความรุนแรงจากการประท้วง ที่เริ่มขึ้นตามท้องถนน ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนถึงห้างสรรพสินค้า ย่านการค้า ท่องเที่ยว และที่พักอาศัย
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนนักเดินทางมายังฮ่องกง ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในด้านบริโภค ร่วงลง 43.7% ถือเป็นการดิ่งลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2546 ที่ฮ่องกงเจอกับการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส )
เซียะ บอกด้วยว่า ผู้ค้าปลีกด้านเสื้อผ้า รองเท้า สุขภาพ ความงาม และเครื่องประดับ ได้รับผลกระทบมากสุดจากการประท้วงที่เกิดขึ้น โดยราว 30% ของบริษัทที่ตอบแบบสอบถาม 176 ราย บอกว่า พวกเขามีแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานราว 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในอีก 6 เดือนข้างหน้า
เซียะ บอกด้วยว่า บริษัทที่วางแผนเลิกจ้างนั้น มีการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนราว 21% ของแรงงานในภาคค้าปลีกที่มีอยู่ทั้งหมด 270,000 คน ซึ่งหมายความว่า การเลิกจ้างดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อแรงงานมากกว่า 5,600 คน
พร้อมกันนี้ เธอยังเรียกร้องให้คณะบริหารเกาะฮ่องกง “คิดนอกกรอบ” เร่งอนุมัติมาตรการช่วยเหลือรอบล่าสุดมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ที่ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ไอริส ผัง นักเศรษฐศาสตร์ภาคพื้นจีนแผ่นดินใหญ่ ของไอเอ็นจี ระบุว่า เจ้าของพื้นที่ปล่อยเช่าสำหรับค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มที่บริหารห้างสรรพสินค้า ไม่มีแนวโน้มที่จะลดค่าเช่าพื้นที่ เพราะไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์ตัวเอง โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะปล่อยให้เป็นที่ว่าง มากกว่าจะลดค่าเช่า
การที่ภาคค้าปลีกจะฟื้นตัวขึ้นเมื่อใดนั้น ผังบอกว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ประท้วงว่า ว่าจะขยายวงออกไปมากเท่าใด และจะมีความรุนแรงบ่อยครั้งเท่าใด
