ด้วยจำนวนนักเดินทางหลายหมื่นคนในแต่ละวัน ทำให้สนามบินระหว่างประเทศแห่งต่างๆ พากันหาทางนำเสนอสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านค้าปลีก และความบันเทิง
สมาคมการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้เดินทางด้วยเครื่องบินทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า มาอยู่ที่ 8,200 ล้านคน ภายในปี 2580 โดยเอเชียจะเป็นผู้นำในการเติบโตนี้ หนุนให้ผู้บริหารสนามบินแห่งต่างๆ ทุ่มเทความพยายามให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
สนามบินแห่งต่างๆ ในเอเชีย กำลังพยายามที่จะพัฒนาบริการให้เป็นเหมือนกับห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การทำรายได้จากยอดขายสินค้า และค่าเช่าพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
สนามบินชางงี ของสิงคโปร์ ถือเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวดังกล่าวในเอเชีย โดยในปีงบการเงิน 2561 ที่สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รายได้ 60% ของสนามบินแห่งนี้มาจากค่าเช่าพื้นที่ และค้าปลีก
เมื่อเร็วๆ นี้ ชางงี ยังเปิดคอมเพล็กซ์แห่งใหม่ “จีเวล” มูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกือบ 40,000 ล้านบาท อาคารรูปโดมพื้นที่ 135,700 ตารางเมตร ซึ่งนำเสนอบริการที่มากกว่าพื้นที่สำหรับสินค้าปลอดภาษีทั่วไป จุดเด่นคือ น้ำตกในร่มที่สูงสุดในโลก และเขาวงกตขนาดใหญ่สุดในประเทศ
จีเวลมีผู้เช่าพื้นที่อยู่ 280 ราย และมีผู้เข้ามาใช้บริการราว 300,000 คนต่อวัน ซึ่งชางงี แอร์พอร์ต กรุ๊ป ผู้บริหารกิจการท่าอากาศยานชางงี หวังว่า การเปิดให้บริการถึงช่วงดึกๆ จะช่วยดึงผู้โดยสารที่แวะพักเปลี่ยนเครื่องเข้ามาใช้บริการด้วย
“ในสิงคโปร์นั้น สนามบินชางงีเองก็เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในตัวเองอยู่แล้ว และจีเวลก็ช่วยยกระดับชื่อเสียง และการดึงดูดในเรื่องนี้ด้วย” ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีลี เซียง หลุง ระหว่างทำพิธีเปิดจีเวลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทางด้านท่าอากาศยานระหว่างประเทศอินชอน ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่ได้รับความนิยมมากสุดในโลก จากการที่มีพื้นที่ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีขนาดใหญ่ และโรงภาพยนตร์ ก็เพิ่งประกาศโครงการวิสัยทัศน์ 2573 “วิชั่น 2030” ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ตามแผนที่วางไว้นั้น ภายในปี 2567 สนามบินจะเพิ่มรันเวย์ และอาคารผู้โดยสาร ทั้งยังหวังที่จะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเทคโนโลยีก้าวหน้าอื่นๆ เข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานมากขึ้น
สื่อเกาหลีใต้รายงานด้วยว่า อินชอนตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนนักเดินทางที่มาเยือนให้ได้มากกว่า 100 ล้านคนต่อปี และเพิ่มยอดขายขึ้น 2 เท่า มาอยู่ที่ 5 ล้านล้านวอน หรือเกือบ 130,000 ล้านบาทภายในปี 2573 ผ่านการดำเนินมาตรการต่างๆ รวมถึงการดึงานอาหาร และร้านค้าต่างๆ ที่ได้รับความนิยมเข้ามาเปิดในสนามบินมากขึ้น
ส่วนท่าอากาศยานระหว่างประเทศปักกิ่ง ต้าเซียงของจีน ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน และเปิดรับเที่ยวบินระหว่างประเทศช่วงปลายเดือนตุลาคม ตั้งเป้าจำนวนนักเดินทางที่เข้ามาใช้บริการของสนามบินไว้ที่ 45 ล้านคนต่อปีภายในปี 2564 ก่อนจะเพิ่มให้ถึง 100 ล้านคนในที่สุด
ขณะที่สนามบินฮ่องกง วางแผนที่จะเปิด “สกายซิตี้” คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ในพื้นที่ติดๆ กับสนามบิน ในปี 2564 โดยหวังจะทำให้สนามบินกลายเป็นศูนย์การค้าด้วย จากการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านคนภายในปี 2573
สนามบินในญี่ปุ่น ก็กำลังหาทางเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินเช่นกัน โดยสนามบินนาริตะ มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 143,200 ล้านเยน หรือราว 40,000 ล้านบาท ในปีงบการเงินที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 70% จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และเทียบได้เท่ากับยอดขายของห้างสรรพสินค้ามิตสึโกชิ นิฮอมบาชิ ของบริษัทอิเซตัน มิตสึโกชิ โฮลดิ้งส์ หนึ่งในห้างสรรพสินค้าเก่าแก่สุดของประเทศ
ล่าสุด หน่วยงานด้านค้าปลีกในเครือของสนามบินนาริตะ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนถึง 42% ของรายได้โดยรวมของบริษัท
ช่วงกลางปีหน้า สนามบินฮาเนดะ ของญี่ปุ่น ยังมีกำหนดที่จะเปิดคอมเพล็กซ์แห่งใหม่ ซึ่งมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และสปา ที่เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศโดยตรง