World News

‘หุ้นเอเชีย’ ไร้ทิศทางชัดเจน กังวล ‘เศรษฐกิจจีน’ เจอผลกระทบสงครามการค้า

ตลาดหุ้นเอเชีย เคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทางชัดเจนในวันนี้ (9 ธ.ค.) หลังวอลล์สตรีททะยานขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด แต่ตลาดยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน

000 1BA96S

ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดมาอยู่ที่ 23,419.31 เพิ่มขึ้น 64.91 จุด หรือ 0.28% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ 26,449.34 จุด ลดลง
49.03 จุด หรือ 0.19% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ที่ 2,906.35 จุด ลดลง 5.67 จุด หรือ 0.19% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ขยับลงมา 1.73 จุด หรือ 0.05% ที่ 3,192.98 จุด

ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (6 ธ.ค.) ที่ 28,015.06 จุด พุ่งขึ้น 337.27 จุด หรือ 1.22%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,145.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.48 จุด หรือ 0.91% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,656.53 จุด พุ่งขึ้น 85.83 จุด หรือ 1.00%

การปรับขึ้นในระดับพอประมาณของตลาดเอเชีย สอดคล้องกับการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน โดยที่อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ มีการจ้างงานมากสุด ถือเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งสุดว่า เศรษฐกิจอเมริกันไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะชะงักงัน

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอยู่ หลังจากที่นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวออกมาว่า เส้นตาย 15 ธันวาคมสำหรับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งต่อไปยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะระบุว่า การเจรจาการค้ากับจีนกำลังเดินหน้าไป

นักลงทุนมองว่า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายเรื่อง หากความตึงเครียดด้านการค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์เดินหน้าตามแผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 156,000 ล้านดอลลาร์กลางเดือนนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลถึงสถานะเศรษฐกิจจีน หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จีนมีตัวเลขส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เน้นให้เห็นถึงแรงกดดันที่สงครามการค้ามีต่อภาคการผลิต

นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่า เฟดจะเน้นถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจ และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม

ทางด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ ขยับลงมาเล็กน้อย 0.4% ที่ 58.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นระดับที่ใกล้ระดับสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากโอเปค และชาติพันธมิตร เห็นพ้องที่จะลดเพดานการผลิตลงอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563

Avatar photo