COLUMNISTS

ร้าวลึกแค่ไหนการเมืองไทย

Avatar photo
1213

ควันหลงหลังประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติ ไม่ตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการใช้ศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลปรากฎมี 10 เสียงจากส.ส.ฝ่ายค้านมาช่วยเป็นองค์ประชุม

ยังมี 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นด้วยให้ตั้งกมธ.ดังกล่าวขึ้น มี 4 ส.ส.คนจริง อย่าง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย , เทพไท เสนพงศ์ , พนิต วิกิตเศรษฐ์ และ อันวาร์ สาและ  ขณะที่ กันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา และ ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ออกเสียงลงมติ

อาการอย่างนี้ถ้าเป็นฝ่ายค้านคงไม่กระไร แต่ดันเป็นฝ่ายรัฐบาล อาการไม่พอใจ พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที สำหรับ ขาใหญ่ฝั่งรัฐบาล อุตส่าห์ใช้พื้นที่ สโมสรราชพฤกษ์ จัดงานเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมเสียใหญ่โต ด้วยเมนู “ซุปหูฉลาม” หวังกล่อมลูกพรรคไม่ให้แตกแถวก่อนโหวตก็แล้ว แต่เหตุไฉนเมื่อถึงคราวโหวต กลับมีคนนอกคอกเกิดขึ้น นั่นแสดงความอาการสั่นคลอนในพรรคร่วมกำลังเกิดขึ้นอย่างที่ใครต่อใครพูดถึง

Parliament03 01

หรือว่า 4 สหายของพรรคประชาธิปัตย์ กำลังก่อกองไฟสุมใส่รัฐบาล ที่จุกอกหนักแม้แต่  เทพไท เสนพงศ์  ยังออกมาย้ำนักย้ำหนา การลงมติญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44  ถ้ามองผิวเผินอาจจะเป็นชัยชนะของรัฐบาล ที่สามารถทำให้องค์ประชุมครบได้ โหวตชนะฝ่ายค้านล้มญัตตินี้ได้  แต่เป็นชัยชนะเฉพาะหน้า

เทพไท เสนพงศ์  ตอกย้ำด้วยว่าถ้านำเรื่องตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 มาเป็นเกมการต่อสู้ของฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลในสภา ผลก็คือ รัฐบาลชนะศึก แต่แพ้สงคราม เพราะในระยะยาวรัฐบาล ต้องเจอปัญหาอุปสรรค และขวากหนามทางการเมืองมากมาย

การที่คนในพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นอย่างนี้ นั่นหมายความว่า การโหวตล้มญัตตินี้ ไม่ได้บริสุทธิ์อย่างที่ใครต่อใครเข้าใจ ที่สำคัญรัฐสภาแห่งนี้กำลังกลายเป็นแหล่ง เพาะพันธุ์งู่เห่า หรือเป็นเพราะ “ซุปหูฉลาม” สำแดงฤทธิ์

งานนี้ไม่จบแค่งูเห่าพล่านสภา กับล้มญัตติดังกล่าวไปได้ แต่ดูเหมือนกำลังจะสร้างรอยร้าว ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ มีแรงกดดันจากบางกลุ่มในรัฐบาล ถึงขั้นวางหมากที่จะปรับพรรคประชาธิปัตย์พ้นรัฐบาล ในการปรับครม. น่าจะเกิดหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่งานนี้บอกเลยอาจจะไม่ง่ายอย่าที่คิด แม้วันนี้พรรคพลังประชารัฐ จะคิดว่ากวาดต้อนงูเห่าเข้ามาได้ก็จริงอยู่ แต่มิอาจทำให้เสียปริ่มน้ำอยู่รอดได้อย่างที่คิด

ยิ่งได้ยิน จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าเล่นการเมืองมานานอยู่มาหลายรัฐบาล ทั้งแกนนำ ทั้งฝ่ายค้าน ทำมาทุกหน้าที่ เข้าใจกระบวนการทางการเมืองดี  การปรับครม.ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ ย้ำด้วยว่าหากมีการปรับก็ขอให้แจ้งมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหา พร้อมตัดสินใจ พรรคไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนตัวพร้อมตัดสินใจได้ทันที เพราะมีหลักการในการตัดสินใจอยู่แล้ว

นี่คงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้อดคิดไม่ได้กับข่าวการขับพรรคประชาธิปัตย์พ้นรัฐบาล เป็น แค่การขู่คำราม แสดงความไม่พอใจกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นแค่การประลองฝีมือของคนพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมากกว่า เมื่อถึงตอนนี้ความร้อนแรงทางการเมืองจะยิ่งทวีคูณเสียมากกว่า

ส่วนพรรคที่ไม่มีชื่อขออย่านิ่งนอนใจอะไรก็เกิดขึ้นได้ ในวันที่อยากให้อยู่ หรือวันที่ไม่ต้องการ ฉะนั้นการเมืองวันนี้ บอกเลย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะ เฉกเช่นเดียวกับการเลียบๆเคียงๆของแกนนำรัฐบาล ที่พยายามฉกงูเห่าฝ่ายค้านเข้าร่วมรัฐบาล ฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้กับการเมืองไทยในวันข้างหน้า