บอร์ดอีอีซี เห็นชอบกรอบต้นแบบกำจัดขยะพื้นที่อีอีซี คาดเพิ่มอีก 6 แห่ง เร่งทำแผนสร้างโรงงาน-รับซื้อไฟฟ้าใน 1-2 เดือน ก่อนเปิดประมูล ตั้งเป้ากำจัดขยะสะสมกว่า 6 ล้านตันในอีอีซีให้หมดภายใน 12 ปี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ. หรือบอร์ดอีอีซี) โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบกรอบแนวทางต้นแบบการกำจัดขยะในพื้นที่อีอีซี โดยมีเป้าหมายเพิ่มโรงงานกำจัดขยะอีก 6 แห่ง และตั้งศูนย์กำจัดขยะแปลงเป็นไฟฟ้า ต้นแบบ 1 แห่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีโรงงานกำจัดขยะอยู่แล้วของ ปตท. ในพื้นที่จังหวัดระยอง สามารถบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบได้ และสามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า แต่จากการที่สถานการณ์ขยะมูลฝอยในพื้นที่อีอีซี เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2561 อยู่ที่ 4,200 ตันต่อวัน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ตันต่อวันในปี 2580 และยังขาดการบริหารจัดการ ขยะจึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวันและส่วนใหญ่ 60% ยังใช้การฝังกลบแบบเดิม
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ต้องหาพื้นที่เพิ่มเพื่อรองรับปริมาณขยะที่สูงขึ้นถึง 1.66 ไร่ต่อวัน โดยที่ประชุมฯ ให้ สกพอ. ประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันจัดทำแผนเสร็จภายใน 1-2 เดือน เพื่อนำไปสู่การหาพื้นที่สร้างโรงงานกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ และจะเปิดให้เอกชนประมูลต่อไป
สำหรับกรอบแนวทางต้นแบบการกำจัดขยะในอีอีซี ตั้งเป้าจะกำจัดขยะมูลฝอยทั้งรายวันและขยะสะสมรวม 6,000 ตันต่อวัน สามารถผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะได้ 120 เมกะวัตต์ หรือจะกำจัดขยะสะสมได้กว่า 6 ล้านตันในพื้นที่อีอีซี ให้หมดภายใน 12 ปี
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการ เพื่อติดตามโครงการรถไฟ ความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินโดยจะมีกรรมการ 2 ชุด ที่จะต้องกำกับสัญญาเพื่อดูแลสัญญาหรือแก้ไขสัญญา และกรรมการกำกับบริหารโครงการ รวมทั้งเห็นชอบแผนพัฒนาบุคลากรในพื้นที่อีอีซีใน 2 รูปแบบ คือ ให้เอกชนร่วมจ่าย 100% และเปิดให้เอกชนมีร่วม 10-50% เพื่อผลิตบุคลากรรองรับความต้องการกำลังคนใน 10 อุตสาหกรรม จำนวน 475,793 คน
