ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกญี่ปุ่น “ฟาสต์ รีเทลลิง” เปิดร้าน “ยูนิโคล่” แห่งแรกที่เวียดนาม ในวันนี้ (6 ธ.ค.) ถือเป็นตลาดแห่งที่ 6 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัท และเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วสุดของภูมิภาคนี้
ในการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ ฟาสต์ รีเทลลิง หวังว่า เวียดนามจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในภูมิภาคนี้ จากการบริโภคท้องถิ่นที่เพิ่มสูงขึ้น และในช่วงเวลาที่เวียดนามได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการผลิตของบริษัท ท่ามกลางการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยืดเยื้อมาร่วม 2 ปีแล้ว
ยูนิโคล่สาขาแรกในเวียดนาม อยู่ในห้างสรรพสินค้าในเขตด่องคอย นครโฮจิมินห์ ซิตี้ ตัวร้านอยู่ติดกับแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรายอื่น อย่าง เอชแอนด์เอ็ม และซาร่า ซึ่งร้านนี้ ถือเป็นหนึ่งในสาขาที่ใหญ่สุดที่สุดของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากพื้นที่ร้านทั้งหมด 3,107 ตารางเมตร และมีขนาด 3 ชั้น
“ผมคิดว่าเวียดนามมีศักยภาพอย่างมาก และจะเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่สุดของโลก” นายทาดาชิ ยานาอิ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ ฟาสต์ รีเทลลิง ระบุ ทั้งเขายังกล่าวถึงเวียดนามว่า เป็นดินแดนแห่งคำมั่น จากการมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง และมีประชากรวัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก
ผู้บริหารรายนี้บอกด้วยว่า เขาอยากเป็นยูนิโคล่ สาขาที่ 2 ในเวียดนาม เร็วๆ นี้ที่กรุงฮานอย พร้อมย้ำถึงการตั้งความหวังว่าจะเปิดร้านในประเทศนี้ไม่น้อยกว่า 100 สาขา
นอกจากจะต้องการเจาะตลาดค้าปลีกเวียดนามแล้ว ฟาสต์ รีเทลลิง ยังมองเวียดนามเป็นศูนย์การผลิตขนาดใหญ่อันดับ 2 ของบริษัทรองจากจีน โดยบริษัทมีซัพพลายอยู่ในประเทศนี้แล้ว 50 ราย
นายยาเนอิ เปิดเผยว่า ยูนิโคล่ส่งออกสินค้าจากเวียดนามคิดเป็นมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสินค้าที่ผลิตในเวียดนามนั้น มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ทางด้านซัพพลายเออร์เวียดนามของยูนิโคล่ ก็มีความหวังเช่นเดียวกันถึงการขยายตัวของตลาดท้องถิ่น และการเข้ามาของแบรนด์ต่างๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตมากขึ้น
“เราตื่นเต้นที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของพวกเราที่อยู่ภายใต้แบรนด์ยูนิโคล่ออกมาวางจำหน่ายในเวียดนามแล้ว หลังจากที่ส่งออกไปญี่ปุ่น อาเซียน สหรัฐ และอียูมาเป็นเวลานาน” นายฟ่าม ซสน ฮอง ประธานกรรมการบริหารไซง่อน 3 การ์เมนท์ 1 ในซัพพลายเออร์ของยูนิโคล่ระบุ โดยบริษัทของเขาทำธุรกิจกับยูนิโคล่มาตั้งแต่ปี 2542 และผลิตภัณฑ์มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท ก็เป็นการจัดหาให้กับบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าญี่ปุ่นรายนี้
นายฮอง แสดงความเห็นด้วยว่า ยูนิโคล่เข้ามาในตลาดเวลา ในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากผู้ผลิตรายต่างๆ กำลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่
ทั้งนี้ ยูนิโคล่ไม่ได้เป็นแบรนด์ข้ามชาติเพียงรายเดียวที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม และตลาดอื่นๆ ในอาเซียนที่มีความสำคัญมากขึ้น อย่างกัมพูชา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีบริษัทจำนวนมากที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในเวียดนาม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนผลกระทบจากการที่สหรัฐขึ้นภาษีสำค้านำเข้าจากจีน และหนีจากค่าแรงขั้นต่ำในแดนมังกรที่สูงขึ้น
ผู้ผลิตเสื้อผ้าญี่ปุ่นรายหนึ่งระบุว่า โรงงานในเวียดนามได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ถึงขนาดที่กลายเป็นเรื่องยากสำหรับแบรนด์เล็กๆ ที่จะหาซัพพลายเออร์ในประเทศนี้
ที่มา : นิกเคอิ เอเชียน รีวิว
