นายกฯ เป็นประธานเปิด “เทอร์มินอล 2” สนามบินอู่ตะเภา ลดปัญหาความแออัด เพิ่มความจุผู้โดยสารเป็น 5 ล้านคนต่อปี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (4 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา โดยมี พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ให้การต้อนรับ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ช่วงเช้าได้ไปเปิดสถานีรถไฟฟ้า ตอนบ่ายมาเปิดสนามบิน นี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นการสร้างโอกาส สร้างความเชื่อมโยง ด้านขนส่งมวลชน นี้คืออนาคตของประเทศ
ทุกคนต้องเข้าใจคำว่าอะไรคืออดีต อะไรคือปัจจุบัน อะไรคืออนาคต อะไรคือปัญหา อะไรคือวิกฤต และอะไรคือโอกาส คำเหล่านี้คนไทยต้องสนใจ ไม่เช่นนั้นจะไปอะไรไม่ได้สักอย่าง จะติดปัญหาเดิมๆ ทำให้เดินหน้าประเทศไม่ได้ แล้วจะตอบคำถามอนาคตได้อย่างคน คนรุ่นใหม่ ลูกหลานจะอยู่จะกินอย่างไร ทั้งหมดต้องแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน เรื่องคมนาคม เป็นการทำให้เกิดความเท่าเทียมทางด้านโอกาส ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเหมาะสม คุ้มค่า และมีมูลค่าเพิ่ม
ภาคเอกชน ภาคประชาชน ถ้าร่วมมือกัน สิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมดจะลดลง และจะทำให้แก้ปัญหาระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ได้วางแผนในปี 2570 ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนความเชื่อมโยงด้านคมนาคมเหมือนความเชื่อมโยงของเส้นเลือดในตัวคน ซึ่งมีเส้นเลือดหลัก เส้นเลือดดำ แดง และเส้นเลือดฝอย วันนี้ทะเลาะกันบนเส้นเลือดฝอยไม่เลิกกันเสียที แล้วมันก็ไปไม่ทั่วถึง ประเทศเราก็อ่อนแอ แขนซ้าย แขนขวา ขาซ้าย ขวา ก็อ่อน แล้วมันจะไปอย่างไร ลูกหลานจะอยู่อย่างไร เราจะสู้กันจนตายหรือ ลูกหลานต้องโตต่อไปในอนาคต ไม่คิดวันนี้จะคิดเมื่อไร ทุกคนต้องเสียสละในการทำงานร่วมกัน
พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2532 รวมระยะเวลา 30 ปี ปัจจุบันมีผู้โดยสามารถใช้บริการมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี มีจำนวนเที่ยวบินปีประมาณ 15,000 เที่ยวบินต่อปี ทำให้อาคารพักผู้โดยสารหลังเดิมแออัด ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
ดังนั้น ท่าอากาศยานอู่ตะเภาจึงได้ก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสารแห่งที่ 2 เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร และสายการบินพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบินในประเทศ เชื่อมโยงการเดินทางสู่พื้นที่ตะวันออก ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 3-5 ล้านคนต่อปี สามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพถึงปี 2570 ที่ประมาณการณ์ผู้โดยสารไว้ว่า จะมีมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้ทำการทดสอบใช้งานระบบการให้บริการด้านต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้ทดลองเปิดใช้เต็มรูปแบบมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 ผลการดำเนินการปรากฏว่าอยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ยังพัฒนา สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับทุกความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งทางอากาศ เพื่อให้พร้อมเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนต่อชั่วโมง มีความพร้อมในการให้บริการทุกด้าน ทั้งร้านค้าปลอดอากร ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า ยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ด้วยการส่งเสริม EEC และเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิและเป็นศูนย์การทางการบิน (Aviation Hub) หลักในภูมิภาคนี้