ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีน “หัวเว่ย” ที่กำลังเผชิญกับการดำเนินคดีอาชญากรรม และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ กำลังวางแผนที่จะย้ายศูนย์วิจัยโทรคมนาคมของบริษัทในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไปไว้ที่แคนาดา
นายเริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย เปิดเผยด้วยว่า กำลังพิจารณาที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นในยุโรป เพื่อผลิตอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 (5จี)
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐกำลังเพิ่มแรงกดดันต่อชาติพันธมิตร ให้คว่ำบาตร ไม่ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเครือข่าย 5จี โดยเตือนว่า อาจถูกรัฐบาลจีนใช้เป็นเครื่องมือสอดแนม หรือเจาะระบบ
“ศูนย์วิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย จะย้ายออกจากสหรัฐ และจะไปตั้งอยู่ที่แคนาดา” นายเรินกล่าว พร้อมเสริมว่า ในปีนี้ หัวเว่ยมีการจ้างงานในแคนาดาเพิ่มขึ้น 300 ตำแหน่ง ทำให้มียอดรวมพนักงานในประเทศนี้ที่ 1,200 คนแล้ว ทั้งในปัจจุบันผู้อำนวยการที่รับผิดชอบแผนธุรกิจในสหรัฐ ก็ทำงานอยู่ที่นครออตตาวา ของแคนาดา
ฟิวเจอร์เว่ย เทคโนโลยีส์ อิงค์ หน่วยงานด้านการวิจัยของหัวเว่ยในสหรัฐ ดำเนินการลดจำนวนพนักงานจาก 600 คนลงมาจนเหลืออยู่เพียงแค่ 250 คนในปัจจุบัน เพราะการจำกัดการทำธุรกิจกับหัวเว่ยของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้บริษัทลูกรายนี้มีความสามารถในการทำงานร่วมกับบริษัทแม่น้อยลง
“เราจะโทรศัพท์ หรือส่งอีเมลติดต่อกับพวกเขาก็ไม่ได้ ซึ่งนี่คือสาเหตุที่เราต้องปรับเป้าหมายของงานด้านการพัฒนาไปยังแคนาดา”
นายเริน บอกด้วยว่า ที่ผ่านมา หัวเว่ยค่อยๆ ยกเลิกการใช้เทคโนโลยีสหรัฐ ในอุปกรณ์ 5จีของบริษัทที่วางจำหน่าอยู่ทั่วโลก และคาดว่า ภายในสิ้นปีหน้า สายการผลิตทั้งหมดของบริษัทจะไม่มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐอยู่เลย
ส่วนในยุโรปนั้น บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นในประเทศต่างๆ จำนวนหนึ่ง เพราะแม้การผลิตอุปกรณ์ 5จี นอกจีน จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากชาติยุโรปมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แผนการสร้างโรงงานในสหภาพยุโรป (อียู) ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้อยู่
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับแคนาดา ย่ำแย่ลง หลังจากที่นางเมิ่ง หวั่นโจว บุตรสาว และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การเงินหัวเว่ย โดนแคนาดาจับกุมเมื่อปีที่แล้ว ระหว่างการแวะพักที่แวนคูเวอร์ ตามหมายจับของทางการสหรัฐ ในข้อกล่าวหาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิรัก ซึ่งรัฐบาลจีนได้ดำเนินการ ที่ดูเหมือนจะเป็นการตอบโต้เรื่องนี้ ด้วยการจับกุม และตั้งข้อหาเป็นสายลับต่อชาวแคนาดา 2 ล้าน และขัดขวางการขนส่งสินค้าเกษตรแคนาดามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นายเรินมีแนวคิดที่แตกต่างจากรัฐบาลจีนในเรื่องนี้ โดยเขามองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการแทรกแซงทางการเมืองจากสหรัฐ
