ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 ธ.ค.) ปรับตัวลดลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาระบุว่า จะฟื้นแผนการเก็บภาษีต่อเหล็กนำเข้าจากบราซิล และอาร์เจนตินา ทำให้เกิดความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระดับโลก ขณะข้อมูลโรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ยังทำให้นักลงทุนเลือกที่จะระวังตัวไม่เข้าลงทุน
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดร่วงลง 239.86 จุด หรือ 1.02% ที่ 23,289.64 จุด ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ลดลง 230.68 จุด หรือ 0.87% ที่ 26,214.04 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ลบ 10.94 จุด หรือ 0.38% ที่ 2,864.86 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ลดลง 5.46 จุด หรือ 0.17% ที่ 3,182.51 จุด
ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ที่ 27,783.04 จุด ร่วงลง 268.37 จุด หรือ 0.96% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,113.87 จุด ลดลง 27.11 จุด หรือ 0.86% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,567.99 จุด ลดลง 97.48 จุด หรือ 1.12%
ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้บอกว่า จะเก็บภาษีนำเข้าต่อเหล็ก และอลูมิเนียมจากบราซิล และอาร์เจนตินา เพราะเห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศลดค่าเงินของตัวเองลงมาอย่างมาก ตรงข้ามกับสถานการณ์ที่นักวิเคราะห์มองว่า ทั้ง 2 ประเทศอเมริกาใต้ดังกล่าว กำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้สกุลเงินของตัวเองแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
นอกจากเรื่องเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว ตลาดยังวิตกถึงเรื่องที่จีนมีคำสั่งห้ามเรือรบสหรัฐเข้าเทียบท่าฮ่องกง และคว่ำบาตรเอ็นจีโออเมริกันจำนวนหนึ่ง เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐออกกฎหมายสนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดมีความอ่อนไหวอย่างมากกับข่าวที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ตาม รวมถึง ข่าวที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสหรัฐกับประเทศอื่นๆ ด้วย
ทางด้านราคาน้ำมันซื้อขายในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดเพิ่มขึ้น 0.25% ที่ 56.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม อาจเห็นพ้องที่เพิ่มเพดานลดการผลิต ระหว่างการประชุมในสัปดาห์นี้
